Xiaomi 14T Series มือถือประสิทธิภาพระดับเรือธงรุ่นใหม่จาก Xiaomi ที่หลายคนรอคอย ล่าสุดก็ได้เปิดราคาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย โดยมาด้วยกัน 2 รุ่น คือ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T พร้อมชูสโลแกน “Master light, capture night”
ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่ามือถือตระกูล T Series นั้นก็เป็นรุ่นที่มาพร้อมประสิทธิภาพระดับเรือธงในราคาที่เบาและคุ้มค่ากว่า ทำให้เป็นหนึ่งในซีรีส์ขายดีของทาง Xiaomi และที่สำคัญคือเหมาะสำหรับใครหลาย ๆ คนที่อยากสัมผัสประสบการณ์การใช้งานกล้องระดับมืออาชีพที่ Xiaomi ร่วมมือกับ Leica (co-engineered with Leica) อีกด้วย
และตอนนี้ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ก็ได้มาอยู่ในมือของทีมงาน mxphone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าคู่กล้อง Leica ทั้ง 2 รุ่นนี้จะเจ๋งแค่ไหน? ถ่ายรูปเป็นยังไง? ก็ตามมาดูกันในรีวิวนี้กับเราได้เลยครับ
แกะกล่อง
Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T จะมาในกล่องสีขาว ซึ่งที่บนตัวกล่องก็จะมีชื่อรุ่นระบุไว้กำกับไว้อย่างชัดเจน พร้อมข้อความ “co-engineered with Leica”
ภายในกล่องของทั้ง 2 รุ่นจะประกอบด้วย ตัวเครื่องพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ สาย USB-C / เคส / ฟิล์มกันรอย (ติดมากับตัวเครื่อง) / อุปกรณ์ถอดถาดซิม / คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน
ดีไซน์
Xiaomi 14T Pro จะมี 3 สีให้เลือก คือ Titan Black, Titan Blue และ Titan Gray ขณะที่ Xiaomi 14T จะมี 4 สีให้เลือก ซึ่งนอกจาก 3 สีที่มีเหมือนกันกับ Xiaomi 14T Pro แล้ว ก็ยังมีสี Lemon Green เพิ่มเข้ามาด้วยนั่นเอง
สำหรับเครื่องที่อยู่ในรีวิวของเรานี้ เครื่องสีดำจะเป็น Xiaomi 14T Pro สี Titan Black ส่วนเครื่องสีฟ้าจะเป็น Xiaomi 14T สี Titan Blue ครับ
Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T นั้นมีขนาดตัวเครื่องที่เกือบ ๆ เท่ากัน โดย Xiaomi 14T Pro มีสัดส่วนขนาด 160.4 × 75.1 × 8.93 มิลลิเมตร ขณะที่ Xiaomi 14T มีสัดส่วนขนาด 160.5 × 75.1 × 7.80 มิลลิเมตร ยกเว้นสี Lemon Green ที่จะหนากว่าสีอื่น ๆ เล็กน้อยที่ 7.95 มิลลิเมตร
นอกจากนี้ Xiaomi 14T Pro จะมีน้ำหนัก 209 กรัม ขณะที่ Xiaomi 14T มีน้ำหนัก 195 กรัม ยกเว้นสี Lemon Green ที่จะเบากว่าสีอื่น ๆ เล็กน้อยที่ 193 กรัม
Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712×1220 พิกเซล) 446 ppi อัตราส่วน 20:9 รีเฟรชเรทสูงสุด 144Hz AdaptiveSync ให้ความสว่าง 1600 nits (typ) และสว่างสูงสุด 4000 nits (peak) สู้แดดจ้าสบาย ๆ พร้อมรองรับ Dolby Vision, HDR10+ และ HDR10
นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นยังมีขอบจอที่บางเพียง 1.7 มิลลิเมตร ที่ด้านบน ด้านซ้าย และด้านขวา ขณะที่ขอบด้านล่างบางเพียง 1.9 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่กว้างถึง 93.6% เลยทีเดียวครับ
บริเวณตรงกลางด้านบนของหน้าจอของทั้ง Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T จะเจาะรูกล้องหน้าความละเอียด 32MP, f/2.0 เหมือนกัน
ฝาหลังตัวเครื่อง Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T มาในดีไซน์แบบเน้นความเรียบหรูดูพรีเมียม โดยสี Titan Black, Titan Blue และ Titan Gray ใช้วัสดุฝาหลังเป็นกระจก ยกเว้นสี Lemon Green ที่จะใช้วัสดุฝาหลังเป็นหนัง PU
นอกจากนี้ฝาหลังของ Xiaomi 14T Pro จะเป็นแบบโค้งมนเล็กน้อย ขณะที่ Xiaomi 14T ที่เป็นแบบเรียบแบน
ซึ่งบริเวณด้านหลังของทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีกล้อง 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช LED จัดวางในวงแหวนวงกลม 4 วง บนฐานรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสดูโดดเด่นสะดุดตาที่นูนออกมาจากตัวฝาหลังเล็กน้อย พร้อมทั้งสัญลักษณ์ Leica Vario-Summilux 1:1.6-2.2/15-60 ASPH. สำหรับ Xiaomi 14T Pro และ Leica Vario-Summilux 1:1.7-2.2/15-50 ASPH. สำหรับ Xiaomi 14T
โดยกล้องหลัง 3 ตัว ของ Xiaomi 14T Pro ประกอบด้วย กล้องหลัก 23mm Leica ความละเอียด 50MP เซ็นเซอร์ Light Fusion 900, f/1.6 ร่วมกับกล้อง 60mm Leica Telephoto ความละเอียด 50MP, f/1.9 และกล้อง 15mm Leica Ultra-wide ความละเอียด 12MP, f/2.2
ขณะที่กล้องหลัง 3 ตัว ของ Xiaomi 14T ประกอบด้วย กล้องหลัก 23mm Leica ความละเอียด 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX906, f/1.7 ร่วมกับกล้อง 50mm Leica Telephoto ความละเอียด 50MP, f/1.9 และกล้อง 15mm Leica Ultra-wide ความละเอียด 12MP, f/2.2
ตัวบอดี้ของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ใช้วัสดุที่เป็นโลหะและพลาสติกแข็งแรงทนทาน โดยขอบเครื่องของทั้ง 2 รุ่นเป็นแบบเรียบทำให้ถือจับกระชับเข้ารับกับสรีระของฝ่ามือได้ดีครับ
ขอบด้านขวาจะมีปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนขอบด้านซ้ายจะเป็นขอบเรียบ ๆ
ขอบด้านบนจะมีไมโครโฟน และอินฟราเรด
ส่วนขอบด้านล่างจะมีช่องใส่ซิมการ์ด ไมโครโฟน พอร์ต USB-C และลำโพง
โดยทั้ง Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ยังมาพร้อมการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งเพิ่มความสามารถในการป้องกันน้ำ จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการรับรองว่าสามารถทนต่อการจมน้ำลึก 2เมตรเป็นเวลา 30 นาที เพิ่มขึ้นจากมาตรฐานก่อนหน้าที่ 1.5 เมตรในช่วงเวลาที่เท่ากัน
ประสิทธิภาพและการใช้งาน
Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ทั้ง 2 รุ่นนั้นจะรันด้วย Xiaomi HyperOS บนพื้นฐาน Android 14 ซึ่งหน้าตา UI ก็จะเน้นความเรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ส่วนพวกเมนูการใช้งานหรือการตั้งค่าต่าง ๆ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากมือถือ Android ทั่วไปครับ
ด้านขุมพลังภายในของ Xiaomi 14T Pro ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ ร่วมกับหน่วยความจำ RAM 12GB (LPDDR5X) และ Storage 512GB/1TB (UFS 4.0) ขณะที่ Xiaomi 14T ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8300-Ultra ร่วมกับหน่วยความจำ RAM 12GB (LPDDR5X) และ Storage 256/512GB (UFS 4.0)
โดยทั้ง 2 รุ่น มีฟีเจอร์ขยายหน่วยความจำ RAM ที่สามารถเปลี่ยนพื้นที่ว่างของหน่วยความจำ ROM ที่ยังไม่ได้ใช้มาเพิ่มเป็น RAM ได้ ซึ่งเพิ่มได้อีกสูงสุด 12GB ทำให้ได้ RAM รวมเป็น 24GB เลยทีเดียว
หน้าจอของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T รองรับความละเอียด 1.5K (2712×1220 พิกเซล) และจะตั้งค่ารีเฟรชเรทหน้าจอได้สูงสุดที่ 144Hz AdaptiveSync แสดงผลได้คมชัด ทัชลื่นไหล และสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้เต็มอรรถรส ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม
ด้วยสเปกที่ให้มาขนาดนี้ของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ก็นับว่าแรงเหลือเฟือแล้วสำหรับการใช้งานต่าง ๆ เท่าที่มือถือระดับกลางไปจนถึงท็อป ๆ ในยุคนี้จะทำได้ ซึ่งก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรสำหรับการเล่นเกมทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ โดยลองทดสอบเล่นเกมสุดฮิตหลากหลายแนวก็เล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด สามารถตั้งค่าความละเอียดกราฟิกระดับสูงได้แบบสบาย ๆ เฟรมเรทไม่มีตก
ซึ่งในเรื่องของการเล่นเกม ทั้ง 2 รุ่นก็จะมีฟีเจอร์ Game Turbo ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สนุกไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถตั้งค่าต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม รวมทั้งการจัดการที่ช่วยให้ไม่ถูกขัดจังหวะจากการแจ้งเตือน หรือสายโทรเข้า เป็นต้น
ในด้านความปลอดภัยของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้าเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น
ความพิเศษของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T นั้นคือเรายังสามารถใช้เป็นที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย
และไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ใช้เพื่อความบันเทิง หรือเล่นเกม Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ก็สามารถใช้ได้อย่างยาวนานเกือบตลอดวัน ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ให้แบตเตอรี่มาที่ขนาด 5000mAh เท่ากับรุ่นก่อน
โดย Xiaomi 14T Pro จะรองรับชาร์จเร็วผ่านสาย 120W HyperCharge ที่สามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ภายในเวลา 18 นาที 35 วินาที อีกทั้งรองรับชาร์จเร็วไร้สาย 50W Wireless HyperCharge ที่สามารถชาร์จได้ 50% ภายในเวลา 20 นาที ขณะที่ Xiaomi 14T จะรองรับชาร์จเร็วผ่านสาย 67W HyperCharge ที่สามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ภายในเวลา 44 นาที 21 วินาทีครับ
นอกเหนือจากความเร็วในการชาร์จแล้ว Xiaomi 14T Pro ยังได้เพิ่มชิปชาร์จเร็ว Surge P2 ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Xiaomi ขณะที่ชิปจัดการแบตเตอรี่ Surge G1 นั้นจะมีทั้ง 2 รุ่น ซึ่งรอบรับการชาร์จได้ถึง 1,600 รอบ และใช้ฟีเจอร์ป้องกันความปลอดภัยในการชาร์จ 64 รายการ ผสมผสานระหว่างการชาร์จอย่างรวดเร็ว ความจุสูง และมาตรการความปลอดภัย
ส่องกล้อง
มาถึงตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องของการถ่ายภาพที่เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งในไฮไลต์เด็ดของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T เลยก็ว่าได้ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมเลนส์ออปติคอล Summilux จาก Leica เพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพบนมือถือนั่นเองครับ
โดยกล้องหลังของ Xiaomi 14T Pro เป็น Leica Vario-Summilux 1:1.6-2.2/15-60 ASPH. ประกอบด้วย
- กล้องหลัก 23mm Leica ความละเอียด 50MP เซ็นเซอร์ Light Fusion 900, f/1.6
- กล้อง 60mm Leica Telephoto ความละเอียด 50MP, f/1.9
- กล้อง 15mm Leica Ultra-wide ความละเอียด 12MP, f/2.2
ขณะที่กล้องหลังของ Xiaomi 14T เป็น Leica Vario-Summilux 1:1.7-2.2/15-50 ASPH. ประกอบด้วย
- กล้องหลัก 23mm Leica ความละเอียด 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX906, f/1.7
- กล้อง 50mm Leica Telephoto ความละเอียด 50MP, f/1.9
- กล้อง 15mm Leica Ultra-wide ความละเอียด 12MP, f/2.2
และเช่นเคยกับมือถือ Xiaomi ที่พ่วงกล้อง Leica ในโหมดกล้องถ่ายภาพของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T เราก็จะเห็น 2 โหมดสำคัญจาก Leica คือ Leica Vibrant หรือภาพที่มีชีวิตชีวาจาก Leica ที่เน้นความสดชื่นแจ่มใส และ Leica Authentic หรือภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica ที่เน้นความเป็นธรรมชาติและสมจริง
- Leica Vibrant หรือภาพที่มีชีวิตชีวาจาก Leica ซึ่งได้ผสานข้อดีจากทั้งฝั่ง Xiaomi และ Leica โดยรวมเอาประสบการณ์ของ Xiaomi ในการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนเข้ากับความงามระดับแนวหน้าของ Leica เข้าไว้ด้วยกัน เปิดโอกาสให้เราสามารถพยายามจับช่วงเวลาสำคัญ ๆ ตามเอกลักษณ์ของ Leica เอาไว้ได้บนมือถือ
- Leica Authentic หรือภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica จะให้ภาพที่เป็นธรรมชาติและสมจริง ซึ่งเป็นลายเซ็นของ Leica และเป็นที่ประจักษ์มายาวนานอยู่แล้ว โดยเกิดจากการคงไว้ซึ่งความคอนทราสต์ของแสงและเงา จะเพิ่มความรู้สึกของความลึกแบบสามมิติให้กับภาพถ่าย
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ก็คือการมีอัลกอริทึมการประมวลผลภาพ AI อย่าง Xiaomi AISP เหมือนกับในเรือธง Xiaomi 14 Ultra ซึ่งอัลกอริทึมนี้ใช้โมเดล Stable Diffusion และผสานรวมเข้ากับเลเยอร์ฮาร์ดแวร์อย่างล้ำลึกผ่าน Xiaomi HyperOS โดยผสมผสานพลังการคำนวณของ CPU, GPU, NPU และ ISP เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผลภาพนั่นเองครับ
สำหรับ Xiaomi AISP จะประกอบด้วยโมดูลหลัก 4 ตัว ได้แก่ FusionLM, ToneLM, ColorLM และ PortraitLM
FusionLM จะเป็นหัวใจหลักของระบบ Xiaomi AISP ซึ่งสามารถประมวลผลภาพ RAW ได้สูงสุดถึง 8 ภาพจากเซนเซอร์ภาพ Light Fusion 900 โดยแต่ละภาพมีความลึกของสีสูงสุดถึง 14 บิต โดยการวิเคราะห์ข้อมูลแสงสำหรับแต่ละพิกเซลอย่างละเอียด FusionLM จะรวมภาพเหล่านี้เป็นไฟล์ RAW แบบลิเนียร์ 21 บิต ข้อมูลที่มีความละเอียดสูงนี้ช่วยให้การประมวลผลภาพเชิงคอมพิวเตอร์ในโมดูลอื่น ๆ สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษารายละเอียดและช่วงไดนามิกของภาพให้มากที่สุด ความสามารถที่ทรงพลังนี้เห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในงานถ่ายภาพตอนกลางคืน
ToneLM จะดำเนินการจับคู่โทนสีกับข้อมูล RAW ในโดเมนความสว่าง โดยรักษาความสัมพันธ์แบบลิเนียร์ระหว่างโทนสีภาพ วิธีการนี้จะช่วยลดสิ่งแปลกปลอมในภาพคอมโพสิตให้เหลือน้อยที่สุด และลดความเสี่ยงที่จะเกิดรูปลักษณ์ที่ปลอมแปลง
ColorLM จะใช้การวิเคราะห์ข้อมูล RAW ที่แม่นยำ รวมเทคโนโลยี 3D LUT แบบดั้งเดิมเข้ากับโมเดลสีขั้นสูงเพื่อประมวลผลข้อมูลสีในระดับพิกเซลอย่างแม่นยำ วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เช่น การเปลี่ยนสีเป็นแถบและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สม่ำเสมอ โดยใช้พื้นที่สีที่กว้างของระบบกล้องเพื่อสร้างสีที่ตรงกับการรับรู้ของมนุษย์ รับรองการเปลี่ยนแปลงของสีที่เป็นธรรมชาติ ต่อเนื่อง และมีความลึก ในขณะเดียวกันยังเพิ่มความสมจริงของภาพ
PortraitLM จะสามารถทำการวิเคราะห์เชิงความหมายของภาพเพื่อการแบ่งส่วนวัตถุและพื้นหลังในแนวตั้งอย่างละเอียด โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพอย่างละเอียดในวัตถุแนวตั้ง แบบจำลอง และจำลองเส้นทางแสงของเลนส์และรูปแบบโบเก้ในพื้นหลัง โมดูลนี้เลียนแบบเทคนิคของช่างภาพมืออาชีพ โดยสร้างการถ่ายภาพบุคคลขึ้นมาใหม่อย่างเป็นระบบ
Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ยังมีฟีเจอร์จัดเต็มเพื่อการถ่ายภาพ ทั้ง UltraHDR, Master Portrait และ MasterCinema ขณะที่โหมดสำหรับการถ่ายภาพต่าง ๆ นั้นก็มีมาครบ ทั้งโหมดอัตโนมัติ โปร ภาพยนตร์ วิดีโอ ภาพบุคคล กลางคืน 50MP วิดีโอสั้น พาโนรามา สโลโมชั่น วิดีโอคู่ วิดีโอเคลื่อนไหวเร็ว การเปิดรับแสงนาน ผู้กำกับ และอื่น ๆ
ซึ่งก็ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ก็ใช้งานได้ง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก ส่วนเรื่องความสวยของภาพก็นับว่าทำได้ดีมาก ๆ
นอกจากนี้ตัว AI ของกล้องก็รู้สึกว่ามาช่วยเพิ่มความสามารถให้กล้องทำงานได้อย่างฉลาดมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย จะถ่ายย้อนแสง ถ่ายที่แสงน้อย ถ่ายกลางคืน ถ่ายบุคคล หรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่ใช้โหมดการถ่ายแบบอัตโนมัติยังออกมาสวยโดยแทบไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม รวม ๆ แล้วค่อนข้างประทับใจกับเรื่องกล้องถ่ายภาพของทั้ง 2 รุ่นนี้มาก ๆ ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Xiaomi 14T Pro
จัดเต็มฟีเจอร์ AI
และที่ขาดไปไม่ได้สำหรับมือถือยุคใหม่ในตอนนี้ก็คือเรื่องของ AI ซึ่ง Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T นั้นก็ได้เสริมพลัง AI มาให้เราได้ใช้งานกันแล้ว โดยได้ร่วมมือกับทั้ง Google และ Microsoft Auzre เพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI บนคลาวด์และบนอุปกรณ์เพื่อปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหา เสียง ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ
โดยทั้ง 2 รุ่นจะรองรับฟีเจอร์ AI อย่าง Google Gemini Assistant และ Circle to Search นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชุดแอปพลิเคชัน AI ของ Xiaomi เองเช่นกัน อาทิ
- AI Interpreter: การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ทั้งการแปลแบบเห็นหน้า และการแปลทางโทรศัพท์
- AI Recorder: การถอดเสียงเป็นข้อความ การสร้างสรุปอัตโนมัติ การระบุผู้พูด และการแปลโดย AI
- AI Notes: การสรุป AI, องค์ประกอบ AI, การแก้ไข AI และการแปล AI
- AI Video Subtitles: การสร้างคำบรรยายวิดีโอแบบเรียลไทม์และการแปล
- AI Image Edit: การปรับแต่งองค์ประกอบภาพหลังการถ่ายภาพ และการลบวัตถุต่าง ๆ
- AI Portrait: การสร้างอวตารดิจิทัลส่วนบุคคลจากภาพถ่าย จากนั้นใช้เพื่อสร้างภาพถ่าย AI ID หรือภาพบุคคลที่กำหนดเอง
- AI Film: สร้างคลิปวิดีโอสั้นที่ตัดต่อแล้วจากฟุตเทจในแกลเลอรีโดยป้อนคำอธิบายข้อความ โดยที่ AI จะจดจำวัตถุต่าง ๆ ใช้การเคลื่อนไหวของกล้องแบบพิเศษ และซิงค์กับจังหวะเพลง
* หมายเหตุ เกี่ยวกับ AI ของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T
ฟีเจอร์ AI บางส่วน ได้แก่ Circle to Search, AI Interpreter, AI Notes, AI Recorder, AI Subtitles, AI Film, AI Image Edit และ AI Portrait จะถูกส่งผ่านการอัปเดต OTA ในช่วงแรก ภายหลังจากการเปิดตัว โดย AI Interpreter สามารถรองรับได้ 12 ภาษา ได้แก่ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส อิตาลี เยอรมัน รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี ฮินดี และอินโดนีเซีย โดยจะรองรับภาษาไทย มาเลย์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ในการอัปเดต OTA ครั้งต่อไป
ข้อมูลสเปก Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T
Xiaomi 14T Pro | Xiaomi 14T | |
ขนาดตัวเครื่อง | 160.4 × 75.1 × 8.93 มิลลิเมตร | 160.5 × 75.1 × 7.80 มิลลิเมตร / 160.5 × 75.1 × 7.95 มิลลิเมตร (เฉพาะสี Lemon Green) |
น้ำหนัก | 209 กรัม | 195 กรัม / 193 กรัม (เฉพาะสี Lemon Green) |
หน้าจอ | AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712×1220 พิกเซล) 446 ppi อัตราส่วน 20:9 รีเฟรชเรทสูงสุด 144Hz AdaptiveSync ความสว่าง 1600 nits (typ), สว่างสูงสุด 4000 nits (peak) รองรับ Dolby Vision, HDR10+ และ HDR1 | |
ชิปเซ็ต | MediaTek Dimensity 9300+ | MediaTek Dimensity 8300-Ultra |
หน่วยความจำ | RAM 12GB (LPDDR5X) Storage 512GB/1TB (UFS 4.0) | RAM 12GB (LPDDR5X) Storage 256/512GB (UFS 4.0) |
กล้องหน้า | 32MP, f/2.0 | |
กล้องหลัง | Leica Vario-Summilux 1:1.6-2.2/15-60 ASPH. – กล้องหลัก 23mm Leica 50MP เซ็นเซอร์ Light Fusion 900, f/1.6 – กล้อง 60mm Leica Telephoto 50MP, f/1.9 – กล้อง 15mm Leica Ultra-wide 12MP, f/2.2 | Leica Vario-Summilux 1:1.7-2.2/15-50 ASPH. – กล้องหลัก 23mm Leica 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX906, f/1.7 – กล้อง 50mm Leica Telephoto 50MP, f/1.9 – กล้อง 15mm Leica Ultra-wide 12MP, f/2.2 |
ระบบปฏิบัติการ | Xiaomi HyperOS บน Android 14 | |
แบตเตอรี่ | 5000mAh | |
ชาร์จเร็ว | 120W | 67W |
ชาร์จเร็วไร้สาย | 50W | – |
การเชื่อมต่อ | 5G / Wi-Fi 7 / Bluetooth 5.4 / NFC / USB-C | 5G / Wi-Fi 6E / Bluetooth 5.4 / NFC / USB-C |
สี | Titan Black / Titan Blue/ Titan Gray | Titan Black / Titan Blue / Titan Gray / Lemon Green |
สรุป
โดยสรุปแล้วก็คงต้องบอกว่าการที่ Xiaomi ได้ Leica มาเป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนากล้องบนมือถือร่วมกันนั้น ยังคงทำให้ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นหนึ่งในมือถือประสิทธิภาพระดับเรือธงในราคาที่เบาและคุ้มค่ากว่า และน่าสนใจมาก ๆ ณ ตอนนี้ครับ
Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T จึงเป็นมือถือที่มีความครบเครื่องลงตัวในทุกด้าน ไล่กันตั้งแต่สเปกและประสิทธิภาพที่จัดเต็ม มีชาร์จไวที่เร็วสะใจ งานดีไซน์ก็ดูสวยงามพรีเมียมทันสมัย อีกทั้งเรื่องการถ่ายภาพที่แน่นอนว่ามี Leica เข้ามาช่วย
และด้วยชื่อชั้นของแบรนด์ Xiaomi ที่มีแฟน ๆ ติดตามอย่างเหนียวแน่น จึงเชื่อว่า Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T ทั้ง 2 รุ่นจะได้รับความนิยมไม่แพ้กันกับมือถือรุ่นอื่น ๆ ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าใครได้ลองสัมผัสของจริงก็น่าจะต้องถูกใจอย่างแน่นอนครับ
ราคา และช่องทางจำหน่าย
Xiaomi 14T Series ที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ Xiaomi 14T Pro รุ่นสเปกความจุ 12GB+1TB กับ 12GB+512GB และ Xiaomi 14T รุ่นสเปกความจุ 12GB+512GB กับ 12GB+256GB
Xiaomi 14T Series พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ โดยมีของสมนาคุณพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม 2567
Xiaomi 14T Pro | Xiaomi 14T | |||
สี | 3 สี ได้แก่ Titan Gray, Titan Blue, Titan Black | 4 สี ได้แก่ Titan Gray, Titan Blue, Titan Black, Lemon Green | ||
ความจุ | 12GB+1TB | 12GB+512GB | 12GB+512GB | 12GB+256GB |
ราคา | 24,990 บาท | 21,990 บาท | 17,990 บาท | 15,990 บาท |
ช่องทางการจำหน่าย | เฉพาะที่ Xiaomi Store และ mi.com | Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม | ||
Pre-order Promotion | สำหรับลูกค้าที่สั่งจองในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม 2567 รับฟรี! Xiaomi Watch S3 และ 120W Charger Adapter Kit พร้อม VIP Services ต่างๆ รวมมูลค่าของสมนาคุณ 22,074 บาท | สำหรับลูกค้าที่สั่งจองในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม 2567 รับฟรี! Xiaomi OpenWear Stereo และ 67W Charger Adapter Kit พร้อม VIP Services ต่างๆ รวมมูลค่าของสมนาคุณ 18,674 บาท |