สำหรับหลายๆ คนที่ติดตามข่าวสาร Samsung Galaxy Note 5 มาตลอดระยะเวลาเดือนกว่านั้น เชื่อว่าหลายๆ คนต่างตั้งตารอกัน และในวันที่ 13 สิงหาคม 2015 ทาง Samsung ได้จัดงาน SAMSUNG Galaxy Unpacked 2015 ขึ้นที่ Alice Tully Hall, Lincoln Center เมือง New York ซึ่งได้เปิดตัวหลากหลายรุ่น แต่ที่เซอร์ไพรส์ได้อีก ได้อีก ได้อีก!!! ที่ Samsung Galaxy Note 5 ที่ประเทศไทยได้รับการเปิดตัว และพร้อมวางจำหน่าย หลังจากการเปิดตัว 1 วัน ก่อนตามกำหนดการอย่างเป็นทางการ Samsung Galaxy Note 5 ด้วยซ้ำที่มีแผนวางจำหน่ายในวันที่ 21 สิงหาคมนี้
Samsung Galaxy Note5 : Official Introduction
ส่วนสีที่เปิดตัวไปนั้น มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ ดำ Black Sapphire, ขาวมุก White Pearl, ทอง Gold Platinum และ เงิน Silver Titanium ซึ่งในไทยจะวางจำหน่าย 2 สีก่อนคือ สีเงิน และสีทอง ส่วนสีขาวไม่มีแผนเข้ามาจำหน่าย และเคาะราคาขายในไทย 25,900 บาท สำหรับรุ่น ROM 32GB ส่วนรุ่น ROM 64GB ราคา 29,900 บาท
สเปคเครื่อง Samsung Galaxy Note 5 อย่างเป็นทางการ
– จอแสดงผล Super AMOLED 5.7″ Quad HD 2560 x 1440 (518ppi)
– ขนาด 153.2 x 76.1 x 7.6mm หนัก 171 กรัม
– ชิปเซ็ต Exynos 7420 Octa core (2.1GHz Quad + 1.5GHz Quad), 64 bit, 14 nm process
– RAM 4GB, ROM 32GB (รุ่นที่จำหน่ายในไทย) / ROM 64GB (UFS 2.0)
– กล้องหลัก 16MP OIS f1.9, กล้องหน้า 5MP f1.9
– ระบบ Android 5.1.1 Lollipop + TouchWiz
– แบตเตอรี่ 3,000 mAh
– ปากกา S Pen พร้อม Air Command เวอร์ชั่นใหม่
– ที่สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint)
– รองรับ Fast Charge และ Wireless Charging ที่ชาร์จเร็วกว่าเดิม
ชิปเซ็ตยังเป็นตัวเดียวกับที่ใช้บน Samsung Galaxy S6 แต่อัพเกรด RAM เป็น 4GB มาเหนือกว่า กล้องแบบเดียวกันแต่มีอัพเกรดเรื่องซอฟท์แวร์ฟีเจอร์อีกนิดหน่อย และระบบการชาร์จไฟแบบสายที่เร็วกว่าเก่ามาก รวมถึงรองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สายด้วย ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์เฉพาะที่รองรับการชาร์จไร้สายทั้งตัวเครื่อง และแท่นชาร์จไร้สาย หากใช้ต่างกัน การชาร์จไฟจะเป็นแบบธรรมดาทันที
มาถึงก็ขอสรุปฟีเจอร์ใหม่ๆ ก่อนเลยแล้วกันว่า Samsung Galaxy Note 5 มีอะไรน่าสนใจมากขึ้น
– ตัวเครื่องออกแบบบางเฉียบสลิมดีไซน์ วัสดุโลหะ ฝาหลังเป็นกระจกโค้งหักสองข้าง
– ปากกา S Pen ปรับปรุงใหม่ตอบสนองรวดเร็ว 74ms (ของเดิม 90ms)
– ฟีเจอร์ Air Command แบบใหม่ ใส่ทางลัดต่างๆ เพิ่มเติมได้
– ฟีเจอร์ SideSync อัพเกรดใหม่ ใช้งานสะดวกกว่าเดิม
– กล้องหลัก 16MP มี OIS รูรับแสง f1.9 ถ่ายที่มืดได้เยี่ยม และโฟกัสไวกว่าเก่ามาก
– RAM 4GB เยอะขึ้น ใช้งาน Multi-window หรือ Popup Play ได้ดีขึ้น
– รองรับ Wireless Charging ที่เร็วกว่าเดิม เต็มภายใน 120 นาที
– รองรับ Fast Charge ที่ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านสาย Cable ได้เต็มภายใน 90 นาที
– ปากกา S Pen กดแล้วเด้งออกมาเลย ไม่ต้องแงะดึง
– สามารถใช้ปากกา S Pen จดโน้ตด่วนได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ (Screen off Memo)
– ระบบเสียงดีขึ้นแบบ UHQ ผ่านหูฟังและหูฟังบลูทูธที่รองรับ
– รองรับฟีเจอร์ Live broadcast ถ่ายทอดสดผ่าน YouTube ได้เลย
รู้แล้วว่า Galaxy Note 5 มีอะไรเด็ดๆ ใหม่ๆ บ้างแล้วมาแกะกล่องกันเลยดีกว่า
กล่องแพ็คเกจแนวเดิมครับ ขนาดพอดีเครื่องเรียบๆ มีบอกชื่อรุ่นกับความจุของหน่วยความจำ
แกะกล่องมาเจอตัวเครื่องงามๆ สีทองสวยเลิศเลอค่า ในไทยจะขายก่อนสองสีคือสีเงิน และสีทองงามๆ นี่แหละ ส่วนสีดำจะตามมาทีหลัง ส่วนใครเล็งสีขาวไว้อกหักแน่นอน เพราะไม่เข้าไทยนะจ๊ะ
ภายในกล่องนอกจากตัวเครื่องก็มีอแดปเตอร์ชาร์จไฟพร้อมสาย Micro USB ที่รองรับ Fast Charge ด้วย และมีชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรแบบเดิมเลย
(ตัวเครื่อง Note 4 เทียบกับ Note 5)
ว่าด้วยเรื่องตัวเครื่องดูพรีเมี่ยมกว่าเก่าพอสมควรเลยนะ วางเทียบกันแอบหมองไปเลยฝาหลังลายหนังกับกระจกโค้งวิบวับคนละชั้นกันเลยล่ะ
(ตัวเครื่อง Note 5 เทียบกับ S6 edge)
เทียบกับ Galaxy S6 edge จริงๆ สีเหมือนๆ กันเลยนะครับ เพียงแต่แสงตกกระทบไม่เท่ากัน สีเลยไม่เท่ากัน ออกแบบมาสลับกัน S6 edge โค้งที่หน้าจอ Note 5 โค้งที่ฝาหลังแทน และแสงกระทบแล้วสวยไม่แพ้กัน ขนาดก็อย่างที่เห็นนะ
ขนาดอย่างที่เห็น Galaxy Note 5 รูปทรงไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนเท่าไหร่ จะมีก็ขอบหน้าจอบางลง เครื่องก็น่าจะผอมลงนิดหน่อยครับ ยังถือได้ถนัดมือ เวลาจะเล่นมือเดียวก็ให้ลองใช้พวกโหมดพิมพ์มือเดียวเอา
ด้านหน้าแนวเดิมเป็นกระจกหน้าจอมีเซ็นเซอร์ต่างๆ พร้อมเลนส์กล้องเซลฟี่ และช่องลำโพงสนทนา แล้วก็ไฟแจ้งเตือนต่างๆ
ด้านข้างดูเรียวๆ บางๆ เพราะขอบข้างด้านฝาหลังเป็นกระจกโค้งๆ เหมือนหน้าจอ Galaxy S6 edge เลย ขอบโลหะสวยๆ มีปุ่มควบคุมเสียงอยู่ด้านซ้าย และปุ่มพาวเวอร์อยู่ด้านขวา
ด้านล่างมีพอร์ท Micro USB, ช่องหูฟัง, ลำโพงเสียง, ไมโครโฟน และช่องเก็บปากกา S Pen ที่เป็นแบบสปริงกดเด้งออกมาให้ใช้งาน ไม่ต้องงัดแงะ
ด้านบนถาดใส่ซิมกับรูไมโครโฟนที่สอง ถาดนั้นจะต้องใช้ที่จิ้มถาดซิมซึ่งมีแถมให้ในกล่องแล้วนะ ซิมเป็นแบบ Nano SIM
ด้านหลังเงางามอย่างที่บอก เป็นกระจกโค้งสวยๆ พร้อมแผ่นฟิล์มอีกชั้นด้านในเพื่อให้แสงตกกระทบแล้วเงางามเป็นกิมมิค มีเลนส์กล้องพร้อมแฟลช และเซ็นเซอร์ Heart rate โดยรวมถือว่าสวยถูกใจ เปิดตัวมาถูกกว่า Galaxy S6 edge อีก…
ปากกา S Pen อย่างที่บอกมีการปรับปรุงอีกขั้นครับ ตอบสนองได้ไวขึ้นกว่าเดิมจาก 90ms เป็น 74ms และปรับปรุงตัว Air Command ให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้น โดยจะอยู่ขอบขวาหน้าจอเสมอหากปากกาไม่ได้อยู่ในช่องเก็บ เรียกใช้ได้ง่ายๆ เพราะของเดิมหลายคนไม่รู้ว่าต้องกดปุ่มที่ปากกาเพื่อเรียกฟังก์ชั่นนั่นเอง อยู่ตรงนี้ชัดเจนขึ้น
นอกจากจะย้ายมาใหม่ยังปรับปรุงให้เพิ่มทางลัดฟีเจอร์ที่ใช้บ่อยได้ ใส่เพิ่มได้อีก 2 อันครับจะได้เรียกง่ายๆ แล้วก็ที่ชอบมากเลยจริงๆ ก็คือ Smart select ที่สามารถเลือกแล้วจัดการเซฟลง Gallery ได้แล้ว ของเดิมทำไม่ได้เซ็งมาก ยังไม่หมด Note 5 มีฟีเจอร์ Screen off Memo จดโน้ตได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ แค่ดึงปากกามาก็เขียนได้เลย
ซอท์แวร์ภายใน Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อม Android 5.1.1 Lollipop ที่ตกแต่งด้วย TouchWiz UI ตัวล่าสุด ซึ่งพวกไอคอนต่างๆ มีการปรับปรุงใหม่นิดหน่อยให้ดูดีกว่าเดิม ตัวเครื่องรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) แบบแตะนะ ปลดล็อคได้ง่ายๆ และมีพวกแอพพลิเคชั่นของ Microsoft ติดตั้งมาให้ครบเซ็ทเลย
หน้า Settings ต่างๆ ยังคงเดิม และตัว UI สามารถเปลี่ยนธีมได้หลากหลายแล้วเช่นกัน ส่วนตัว Multitask เหมือนเดิมครับ สามารถเปิดแอพพลิเคชั่นแบบ Multi-window ได้ รวมถึงการเปิดในมุมมองแบบ Popup Play ที่เล่นได้มากกว่า 2 หน้าต่างพร้อมๆ กันด้วย
เสียดายที่เครื่อง Samsung Galaxy Note 5 ไม่รองรับการเพิ่ม MicroSD ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับคนที่ซื้อรุ่น 32GB มาใช้ ก็อาจจะต้องซื้อ Flash Drive แบบ USB OTG ซึ่งตัวเครื่องก็รองรับ ถ่ายโอนไฟล์เอาได้ หากใครใช้งานพวกข้อมูลเป็นจำนวนมาก ควรซื้อรุ่น 64GB ไปเลย (แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะนำมาจำหน่ายในไทยหรือไม่)
กล้องถ่ายภาพเป็นเลนส์ 16 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส และรองรับ OIS (Optical Image Stabilization : ระบบกันสั่น) เทคโนโลยีด้วย รูรับแสง f1.9 ถ่ายภาพที่มืดได้ดี และจับโฟกัสได้ไวกว่าเดิมครับ นอกจากนี้ก็เรียกฟังก์ชั่นกล้องได้ในเสี้ยววินาทีโดยกดปุ่มโฮมสองครั้งเรียกกล้องพร้อมใช้งานเหมือน Galaxy S6 และฟีเจอร์ก็เพียบแบบเต็มๆ ทั้งโหมด Pro, Selective focus, Panorama, Video Collage, Slow motion, Time-lapse, Virtual shot และเพิ่มส่วนของ Live broadcast เข้ามาด้วย อื่นๆ ก็มีให้ดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้อีก
Live broadcast ตัวนี้เป็นฟีเจอร์ที่เราสามารถถ่ายทอดสดภาพจากเครื่อง Samsung Galaxy Note 5 ไปยังแชลแนลอย่าง YouTube ได้ทันทีครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ติดตามกันได้ง่ายๆ ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรหลากหลาย แค่ Galaxy Note 5 เครื่องเดียว
ส่วนกล้องวิดีโอสามารถถ่ายได้ระดับ UHD หรือ 4K เลยทีเดียวครับ ค่าพื้นฐานคือ Full HD มีแบบ FHD 60fps ด้วยครับ รวมถึงพวกฟีเจอร์ Slow motion และ Time-lapse ตัวกล้องมีระบบกันสั่นภาพถ่ายวิดีโอคุณภาพเลยเยี่ยมใช้ได้ ลองใช้คร่าวๆ แล้วกล้องใช้งานง่ายดี ถ่ายภาพได้คุณภาพดีเลย ลองดูภาพตัวอย่างคร่าวๆ กันด้านล่าง
ตัวอย่างภาพถ่าย Samsung Galaxy Note 5
อีกลูกเล่นที่ได้ลองเล่นเบื้องต้นคือ Video Collage ผมว่ามันกิ๊บเก๋ดี ถ่ายวิดีโอ 4 ช่องในไฟล์เดียวแล้วเอาไปอัพลง Instagram อะไรทำนองนี้ ตกแต่งเสียงด้วยเพลงประกอบต่างๆ ได้ด้วย ชอบ เลิศมาก เอาตัวอย่างมาให้ดูพอถูกใจกันนะ
กล้องหน้าก็ถ่ายง่ายภาพดูดีเช่นกัน Beauty mode ปรับได้หลากหลาย ทั้งสีผิวเนียนๆ ปรับตาโต หน้าเพรียว หรือแก้ไขรูปร่างหน้าตายังได้ ขุ่นพระ!! ฟรุ้งฟริ้งกันไปเต็มๆ ครับ
สเปคเครื่องถือว่าแจ่มสุดเวลานี้เลยก็ว่าได้ แม้เป็นชิปเซ็ต Exynos 7420 ไม่ใช่ 7422 ที่ลือๆ กันมา แต่มาพร้อม RAM 4GB และหน่วยความจำแบบ UFS 2.0 ขนาด 32GB เขียนอ่านเร็วดั่งใจนึก ฟาดคะแนนไปเหนาะๆ 65,000 คะแนนแรงเหลือๆ เลยทีเดียวนะ
วันนี้แนะนำกันพอประมาณจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสแรกระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง ลองใช้แล้วก็อยากได้ เพราะด้วยฟีเจอร์ ตัวเครื่องที่ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น และยืนราคาขายเท่าเดิม 25,900 บาทเท่าตอนเปิดตัว Note 4 อีกถือว่าทำราคาได้ดี กำเงินรอซื้อได้เลยครับ 15 สิงหาคมนี้ !!!!
