หลังจากที่ปล่อยรีวิวของ Samsung Galaxy S22 Ultra 5G กันไป ในตอนนี้ก็ถึงคิวของรุ่นรองลงมาอย่าง Galaxy S22+ 5G อีกหนึ่งรุ่นจากซีรีส์เรือธงที่สุดยอดไม่แพ้กัน
รีวิว SAMSUNG GALAXY S22 ULTRA 5G เรือธงร่างฟิวชั่น ได้ทั้งประสิทธิภาพ และการทำงาน
สารบัญ
สเปค Samsung Galaxy S22+ 5G
- สัดส่วนเครื่อง 75.8 x 157.4 x 7.6มม. หนัก 196 กรัม กันน้ำกันฝุ่น IP68
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X Display Edge FHD+ ขนาด 6.6 นิ้ว รีเฟรชเรท Super Smooth 120Hz มี Touch Sampling Rate 240Hz (Game Mode) มี Vision Booster
- ลำโพงสเตอริโอปรับจูนโดย AKG
- กล้องหน้า 10MP, F/2.2, FOV 80˚
- กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย
- Ultra-Wide 12MP, F/2.2, FOV 120˚
- Wide 50MP, F/1.8, FOV 85˚
- Telephoto 10MP, 3x Optical Zoom, F/2.4, FOV 36˚
- ชิปประมวลผลที่ขายในไทย Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 (4nm) ประมวลผล Octa-core (1×3.00GHz Cortex-X2 & 3×2.40GHz Cortex-A710 & 4×1.70GHz Cortex-A510) ใช้ GPU Adreno 730
- สเปคความจำ (RAM+ROM) 8GB+128GB / 8GB+256GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 (One UI 4.1)
- รองรับการทำงาน Dual-SIM
- การเชื่อมต่อไร้สาย 5G / LTE / Wi-Fi 6E / Wi-Fi Direct / Bluetooth 5.2
- เทคโนโลยีระบุพิกัด A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO
- สแกนลายนิ้วมือใต้จอแบบ Ultrasonic
- แบตเตอรี่ 4,500mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย 45W ไร้สาย 15W
- สีที่วางจำหน่ายในไทย Phantom Black / Phantom White / Green / Pink Gold
ดีไซน์
Samsung Galaxy S22+ 5G ยังใช้พื้นฐานงานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูล S Series พื้นผิวฝาหลังด้านแบบ Haze Finish และดีไซน์กล้องหลังแบบ Contour Cut โดยรุ่นเรือธงของปีนี้เลือกให้ฝาหลังกับกล้องหลังเป็นเฉดสีเดียวกัน ซึ่งแต่ละสีที่แบรนด์เลือกใช้ก็ถูกคัดมาแล้วว่าจะมีความสวยงามลงตัวเมื่ออยู่บนพื้นผิวที่เป็นโลหะและกระจก ซึ่งเครื่องที่เราได้มาเป็นสีคลาสสิค ดำ (Phantom Black) ส่วนสีอื่นที่มีขายประกอบไปด้วย ขาว (Phantom White), เขียว (Green) และ ชมพู (Pink Gold)
ตัวเครื่องมีขนาด 75.8 x 157.4 x 7.6มม. หนัก 196 กรัม วัสดุตัวเครื่องก็ยกระดับจากรุ่นที่ผ่านมาโดยใช้กระจก Corning Gorilla Galss Victus+ แบบเรียบประกบทั้งหน้าและหลัง เฟรมเครื่องใช้ Armor Aluminum ซึ่งเป็นอลูมิเนียมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยนำมาใช้ และแน่นอนว่ามีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
ในฐานะที่เป็นคนมือใหญ่ก็รู้สึกได้ว่าเครื่องรุ่นนี้สามารถใช้งานมือเดียวได้สะดวก การกางนิ้วโป้งไปแตะยังจุดต่างๆ ของจอทำได้ง่ายกว่ารุ่น Ultra แต่ที่ชอบที่สุดที่ความรู้สึกในการสัมผัสส่วนฝาหลังเครื่องที่เป็นแบบด้านทำให้สังเกตรอยนิ้วมือ หรือคราบสกปรกต่างๆ ได้ยากขึ้น
สำหรับดีไซน์จอแบบ Infinity-O Display มีกล้องหน้าตรงกลาง เหนือกล้องหน้าเป็นลำโพงสนทนา ขณะที่ขอบจอด้านล่างบางเฉียบ มีปุ่ม Naviation bar แบบ On Screen เป็นการตั้งค่าพื้นฐาน และรุ่นนี้มีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Ultrasonic
พลิกมาด้านหลังจะเห็นโมดูลกล้อง 3 ตัววางเรียงแนวตั้งที่มุมซ้ายบน มีช่องแฟลช LED อยู่ที่ด้านขวาใกล้ๆ กับกล้องตัวแรก
ปุ่มกดต่างๆ ทั้งปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์อยู่ที่ขอบเครื่องด้านขวา ขอบเครื่องด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนขอบเครื่องด้านล่างเป็นพอร์ต USB-C, ไมโครโฟน, ลำโพงหลัก และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Dual-SIM Slot
จอแสดงผล
Galaxy S22+ 5G ใช้กระจกหน้าจอแบบเรียบโดยที่พาแนลจอเป็น Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และมีเทคโนโลยี Vision Booster ปรับการแสดงผลภาพ รวมถึงการปรับอัตราคอนทราสต์สีให้เหมาะสมกับสภาพแสงโดยรอบของผู้ใช้ โดยที่มือถือรุ่นนี้ดันความสว่างของจอได้สูงสุด 1,750nits เท่ากันกับรุ่น Ultra หมดห่วงเมื่อใช้งานกลางแดดจัดๆ
รีเฟรชเรทหน้าจอรุ่นนี้เป็น Super Smooth 120Hz มีระบบ Adaptive เพื่อประหยัดพลังงานโดยปรับระดับรีเฟรชเรทได้ตั้งแต่ 48–120Hz และมีค่าความไวในการสัมผัสหน้าจอ Touch Sampling Rate สูงสุด 240Hz เมื่อเปิด Game Mode
ประสิทธิภาพ
เครื่องที่ขายในไทยเป็นชิป Snapdragon 8 Gen 1 จากค่าย Qualcomm ที่ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 4nm กำลังประมวลผลเป็น Octa-core สูงสุด 3.0GHz ใช้ GPU Mali-G77 MP11 มีหน่วยประมวลผล Neural Processing Unit (NPU) ทำงานเร็วขึ้น 73% ส่วนสเปคความจำเครื่องที่ขายในไทยมี RAM 8GB กับ ROM 128GB และ 256GB
มือถือ Galaxy S22+ 5G ไม่รองรับหน่วยความจำเสริม ตัวเครื่องรองรับการทำงาน 2 ซิม สามารถใช้ 5G ในไทยได้ตั้งแต่วันแรกที่แกะเครื่องจากกล่อง มีระบบการเชื่อมต่อมาทั้ง Bluetooth 5.2 รวมถึงรองรับ Wi-Fi 6E และ Ultra-wideband (UWB)
ขณะที่ระบบปฏิบัติการใช้ Android 12 คลุมด้วย One UI 4.1 ใช้ง่าย หน้าตาสะอาด ฟังค์ชั่นครบ ซึ่งถ้าใครเคยใช้มือถือ Samsung มาจะทราบดีว่าตัวซอฟต์แวร์เครื่องทำมาได้เสถียรมีเรื่องของปัญหาน้อยมากๆ นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Galaxy Devices รุ่นต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ และ Samsung ก็ยังเป็นพาร์ทเนอร์ Google เพื่อยกระดับการทำงานของ Google Duo อย่างการรับชมคอนเทนท์วีดีโอได้พร้อมกันกับเพื่อนๆ เมื่อเปิดวีดีโอคอล ผ่าน Live Sharing รวมถึงการทำงานร่วมกับ Microsoft เพื่อสร้างประสบการณ์การทำงานข้ามอุปกรณ์ระหว่าง PC กับสมาร์ทโฟนที่ดียิ่งขึ้นด้วย Link to Windows
เรื่องการอัพเดตมือถือรุ่นนี้ได้รับการการันตีรองรับการอัพเดตระบบปฏิบัติการสูงสุด 4 เวอร์ชั่น หรือเท่ากับว่าจะได้ไปถึง Android 16 และมีการันตีอัพเดตแพตช์รักษาความปลอดภัยต่อเนื่อง 5 ปี
เรื่องการประมวลผลจากการทำสอบด้วย Becnhmark ได้ผลลัพท์ดังนี้
- Geekbench 5 : Singlecore = 1222 คะแนน / Multicore = 3329 คะแนน
- PC Mark 3.0 : 13175 คะแนน
ประสิทธิภาพการเล่นเกมก็ทำได้สุดไม่มีปัญหา ทั้ง ROV, PUBG Mobile, Call of Duty Mobile ก็เล่นแบบภาพสวยได้แบบลื่นๆ ขณะที่เกมกินสเปค Genshin Impact การตั้งค่าที่แนะนำอยู่ที่ระดับกลาง แต่สามารถเล่นแบบ High-30fps ได้เช่นกัน
สำหรับแบตเตอรี่ให้มา 4,500mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย Fast charging 45W, ชาร์จไร้สาย Fast Qi/PMA wireless charging 15W และมีฟีเจอร์ Reverse wireless charging 4.5W
การถ่ายภาพ
Samsung Galaxy S22+ 5G ใช้เซ็ตอัพกล้องหลัง 3 ตัว เรียงจากบนลงล่างประกอบด้วย
- Ultra-Wide FOV 120˚ 12 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส Dual Pixel รูรับแสง F/2.2 ขนาดพิกเซล 1.4um, Super Steady video
- Wide 50 ล้านพิกเซล โฟกัส PDAF พร้อมกันสั่น OIS รูรับแสง f/1.8 ขนาดพิกเซล 1.0um
- Telephoto 10 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส PDAF ทำ Optical zoom 3 เท่า มีกันสั่น OIS รูรับแสง f/2.4 ขนาดพิกเซล 1.0um
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 มุมมองรับภาพ 80 องศา
Galaxy S22+ 5G มีเซ็นเซอร์กล้องหลักเป็น ISOCELL GN5 ขนาด 1/1.57 นิ้ว ขนาดพิกเซล 1.0um มีเทคโนโลยี Tetracell ในเก็บภาพความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทำให้ถ่ายภาพในสภาพแสงปกติได้อย่างคมชัด เก็บสีสัน และรายละเอียดได้ดี
ขณะที่การถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือ Nightography ก็ทำได้ตามมาตรฐานของรุ่นเรือธง รองรับการใช้งาน Night Mode ในทุกเลนส์
สำหรับเลนส์ Telephoto ก็ทำระยะซูมได้สูงสุด 30 เท่า ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพเมื่อกดซูมสูงสุดจะไม่ได้ดีมากนัก แต่ก็ยังถือว่าเก็บรายละเอียดได้
เรื่องฟีเจอร์การถ่ายภาพของ Galaxy S22+ ก็มีฟีเจอร์หลักๆ มาให้ครบทั้ง Pro Mode ทั้งของภาพนิ่งและวีดีโอ โหมด Director View หรือจะเป็น Single Take Mode รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ Auto Framing หรือการจัดเฟรมภาพอัตโนมัติโดยใช้การตรวจจับหาบุคคลในภาพภายในระยะ 5 เมตร รองรับการตรวจจับได้สูงสุด 10 คน และยังมีการความสามารถในการล็อคโฟกัสเพื่อให้กล้องติดตามจัดเฟรมเฉพาะรายคนได้ด้วย
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
สรุป+ราคา
จากที่ได้ทดลองใช้งาน Samsung Galaxy S22+ มาถือว่าเป็นรุ่นที่ครบทั้งวัสดุ, สเปคประมวลผล, การเชื่อมต่อ หรือจะเป็นเรื่องกล้อง ที่น่าจะเหมาะกับคนที่อยากใช้มือถือเรือธงรุ่นท็อปของ Samsung แต่ไม่ได้มีความจำเป็นว่าจะต้องใช้ปากกา S Pen แบบ Ultra ซึ่งรุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้
ส่วนเรื่องของราคา Samsung Galaxy S22+ 5G มีขายในไทย 2 สเปคคือ 8+128GB อยู่ที่ 34,900 บาท กับรุ่น 8+256GB ราคา 36,900 บาท สามารถจับตัวจริง พร้อมจองเครื่องได้แล้ววันนี้