สมาร์ทแวร์อย่างแหวน จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะก่อนที่ Samsung จะเปิดตัว Galaxy Ring ก็มีผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่ผลิตสินค้าที่เป็นสมาร์ทแวร์ ไว้สวมใส่นิ้ว (อย่างรู้แบรนด์อะไร ไปอ่านรีวิวได้เลย) แต่เนื่องตัวผม (ผู้เขียน) เป็นผู้ใช้งาน Samsung ครบ Ecosystem ทั้งสมาร์ทโฟน Galaxy S24 Ultra, สมาร์ทวอชอย่าง Galaxy Watch Ultra รวมไปถึงหูฟังไร้สายอย่าง Galaxy Buds3 Pro เลยจะมาขอเล่าการใช้งานจริงกับ Samsung Galaxy Ring ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าๆ นับตั้งแต่ช่วงก่อนที่งาน Thailand Mobile Expo 2024 จะเริ่มขึ้น จะเล่าให้ครบเลยว่า ได้ใช้งานจริง ทั้งการใช้งาน Galaxy Ring แบบเดียวๆ หรือการใช้งานร่วมกับ Galaxy Watch จะมีความแตกต่างกันอย่างไร ตามมาดูกันได้เลย
Spec ของ Samsung Galaxy Ring (ที่วางจำหน่ายในไทย)
1. รูปทรง ขนาด น้ำหนัก
- วัสดุ: เฟรมแหวนเป็นไทเทเนียม ทนทานต่อการขูดขีดกับการใช้งานในชีวิตประจำวันตามปกติ
- น้ำหนัก: ระหว่าง 2.4-3.0 กรัม (ขึ้นอยู่กับขนาดของแหวน)
- ขนาด: หน่วยขนาดของแหวนแบบ US เริ่มต้นที่ 6-13 (8 ไซส์) มีความกว้าง 7mm หนา 2.6mm
- สีที่วางจำหน่าย: สีเงิน (Titanium Silver), สีดำ (Titanium Black), และสีทอง (Titanium Gold)
- กันน้ำ กันฝุ่น: มาตรฐาน IP68 (ลงน้ำลึกได้ไม่เกิน 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที)
2. เซ็นเซอร์ 3 ตัว
- เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Optical Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (Accelerometer Sensor)
- เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิว (Temperature Sensor)
3. การเชื่อมต่อ หน่วยความจำ แอปพลิเคชัน
- Bluetooth: รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.4
- RAM 512KB + 64KB, ROM 8MB
- MCU (Microcontroller Unit): nRF5340 จากผู้ผลิต Nordic Semiconductor
- แอปพลิเคชัน: ใช้งานร่วมกับ Samsung Health เพื่อดูข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์
4. แบตเตอรี่
- ความจุแบตเตอรี่: 18.5-23.5mAh (ขึ้นอยู่กับขนาดของแหวน)
- ใช้งานได้ต่อเนื่อง: สูงสุด 7 วัน (ขึ้นอยู่กับขนาดของแหวน)
5. ราคา: 14,900 บาท
ข้อระวัง ก่อนการซื้อ Samsung Galaxy Ring
ขอให้ไปทดลองสวมใส่ อุปกรณ์วัดขนาดของ Galaxy Ring ที่ Samsung Experience Store ทุกสาขา หรือบูธSamsung ที่มีเดโม่ของ Galaxy Ring แสดงอยู่ เพราะขนาดของแหวนปกติเมื่อเทียบกับขนาดของ Galaxy Ring อาจจะมีความแตกต่างกัน (โดยเฉพาะขอบของแหวนที่ Galaxy Ring มีความหนาประมาณ 2.6mm) และความคับของเซนเซอร์ที่อยู่ใต้แหวน หากแน่นมากจะสวมใส่ไม่สะดวก ต้องไปลองก่อนสั่งซื้อเท่านั้น
- นิ้วที่เหมาะสมกับการสวมใส่ Galaxy Ring เป็นนิ้วนาง หรือนิ้วชี้ (แนะนำส่วนตัวว่าเป็นข้างที่ไม่ถนัด)
- เมื่อสวมใส่แล้ว ลองพับนิ้วมือที่สวมใส่ว่าติดขัด หรือแน่นไหม หากแน่นให้เพิ่มขนาดอีก 1 ไซส์
- สีของแหวน ให้เลือกตามความพอใจ หากเป็นไปได้ ให้ลองสวมใส่ทุกสี และตัดสินใจ (เผื่อไว้สำหรับการใส่คู่กับเครื่องประดับอื่นๆ ด้วย)
- แนะนำให้ใช้คู่กับสมาร์ทโฟน Samsung เท่านั้น เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด หากใช้งานร่วมกับ Android ยี่ห้ออื่นๆ จะสามารถใช้งานได้บางฟีเจอร์ในแอป Samsung Health
แกะกล่อง Samsung Galaxy Ring
เมื่อแกะกล่อง Samsung Galaxy Ring สิ่งแรกที่ต้องว้าวเลย คือเคส Galaxy Ring ที่ออกแบบและทำให้ดูเป็นของแพง ตัวเคสเป็นเหมือนกล่องพลาสติกใส แบบแข็ง ดูทนทาน ไม่ก๊อกแก๊ก ตัวเคสยังทำหน้าที่เป็นที่ชาร์จของ Galaxy Ring และยังเป็น Wireless charge ในกรณีที่ผู้ใช้งานต้องการชาร์จเคสแบบไร้สาย
แต่ด้วยความเป็นเคสใส เวลาพกพาไปไหน ต้องหาถุงผ้าขนาดพอดีกับเคสมาใส่กันรอย ก็จะทำให้เคสดูสวย ใช้ไปได้นานๆ
เปิดเคส ก็จะพบ Galaxy Ring มีร่องแท่นชาร์จขนาดพอดีกับขนาดแหวน เมื่อหยิบแหวนมา เกือบทั้งหมดของแหวนจะเป็นผิวเกลี้ยง ตัวผิวเคลือบด้วยวัสดุไทเทเนียม หากใช้งานตามปกติ (แบบคนทั่วไปใช้งานเกือบทุกวันประมาณเดือนกว่า) ทนทาน ไม่มีรอยขูดหรือขนแมวแต่อย่างใด ถือว่าวางใจได้เลย
เมื่อสังเกตดีๆ จะมีรอบขีดเป็นบากแนวตั้ง เป็นสัญลักษณ์ให้ผู้ใช้งานสวมแหวนให้อยู่บริเวณใต้นิ้วหน้ามือ ซึ่งจะเป็นจุดที่เซนเซอร์ทั้งสามตัวของแหวนสามารถตรวจจับ ทั้งอุณหภูมิของผิว, การเคลื่อนไหว และการจับอัตราการเต้นของหัวใจ
ใช้งาน Galaxy Ring จริงตลอดระยะเวลาเดือนกว่าๆ
การเชื่อมต่อครั้งแรก ง่ายๆ
- เปิดแอป Galaxy Wearable
- เปิดฝาเคส Galaxy Ring ตัวแอป Galaxy Wearable จะมีข้อความเด้งเพื่อเชื่อมต่อ
- ลงตามขั้นตอน
- สวมใส่กับนิ้ว
การใช้งานในช่วงแรกๆ ประมาณ 3-5 วัน ขอให้สวมใส่บ่อยๆ เพื่อให้แหวนได้เก็บข้อมูลไปยัง Samsung Health เพื่อประมวลผลเบื้องต้น ซึ่งในแอปจะให้กรอกรายละเอียดสุขภาพส่วนตัว โดยส่วนตัวผู้ใช้งานจะเลือกใส่นิ้วที่ไม่ถนัด (นิ้วชี้ข้างซ้าย) และไม่ได้เป็นมือที่ถนัดในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งผมต้องเผื่อนิ้วประจำไว้สำหรับการใส่แหวนเดิมที่มีอยู่ ส่วนตัว Galaxy Ring มีความหนาของแหวนต่างจากแหวนที่ใส่อยู่ทั่วๆ ไป แรกๆ อาจจะรู้สึกหนาๆ แต่ใส่ไปสักพักจะชินเอง
Samsung Health เก็บข้อมูลหลักๆ ตามการใช้ชีวิต
- เช้า: ใช้ดูข้อมูลการนอนจากคืนที่ผ่านมา เช่น ระยะการหลับลึกและ REM
- ระหว่างวัน: ติดตามจำนวนก้าว, อัตราการเต้นของหัวใจ และการแจ้งเตือนต่างๆ จากสมาร์ทโฟน
- กลางคืน: ตั้งโหมดติดตามการนอน
โดยข้อมูลต่างๆ ถือว่าค่อนข้างเรียลไทม์ ถือว่าตัวแอป Samsung Health ได้เก็บบันทึกข้อมูลการใช้งานตั้งแต่ตื่นเช้ามา จนนอน ส่วนตัวจะถอดแหวนบางช่วง เช่นตอนล้างมือ ที่ต้องการล้างแบบสะอาดๆ (ล้างถูทั้งหน้ามือและหลังมือ) ตอนอาบน้ำ และตอนออกกำลังกาย ที่ยิม ที่ต้องใส่ถุงมือในการเวทเทรนนิ่ง ซึ่งตอนนั้น ก็สามารถเก็บแหวนและชาร์จไฟกับเคสได้ตลอดเวลา เมื่อหากเทียบกับสเปคที่ใช้งานต่อเนื่อง ใช้งานได้สูงสุดถึง 7 วัน ถือว่าค่อนข้างไร้รอยต่อในการบันทึกข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้งาน แทบจะเรียกได้ว่า 24×7 ชม. เลยทีเดียว
Samsung Health บอกอะไรเราบ้าง
ฟีเจอร์ของ Samsung Health เก็บบันทึก ประมวลผลของข้อมูลดังนี้
- Energy Score ติดตามสภาพร่างกายของผู้ใช้งานในแต่ละวัน โดยเป็นการนำผลจากการบันทึกข้อมูลหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาการนอน การตื่นระหว่างนอน จำนวนเวลาในการนอน อัตราการเต้นของหัวใจ อย่างนำมาประเมิน และให้คะแนน ซึ่งจะสามารถดูรายละเอียดของการบันทึกข้อมูล ถือว่าละเอียดเลยทีเดียว
- วัดจำนวนก้าว, เวลาในการเดิน และการเผาผลาญพลังงาน
- การเต้นของหัวใจ
- การวัดออกซิเจนระหว่างหลับ
- การวัดดัชนี AGE (ดัชนีการเผาผลาญพลังงานเมื่อเทียบกับอายุในช่วงนั้นๆ)
- อุณหภูมิผิว
- การกรน
ข้อมูลต่างๆ ที่ Samsung Health เก็บได้ จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลสุขภาพการนอนหลับ หรือการใช้ชีวิตในแต่ละวัน และนำมาปรับปรุง แก้ไข ตนเอง ก่อนที่อะไรๆ อาจจะสายเกินก่อนแก้ไขได้ทันท่วงที
มี Galaxy Watch แล้วจะต้องซื้อ Galaxy Ring ไหม?
อันนี้เป็นคำถามยอดฮิตเลยว่า หากคนมี Galaxy Watch เดิมอยู่แล้ว ควรจะซื้อ Galaxy Ring มาเพิ่มเติมไหม ผมขอสรุปความรู้สึกส่วนตัวได้เป็นข้อๆ ดังนี้ (ความเห็นเฉพาะข้อมูลสุขภาพเท่านั้น)
- หากต้องการบันทึกข้อมูลสุขภาพแบบละเอียด ควรจะซื้อทั้ง Galaxy Watch และ Galaxy Ring ใช้งานร่วมกัน เพราะฟีเจอร์บางอย่างของ Galaxy Watch อาจจะเก็บ หรือแทรคกิ้งข้อมูล ไม่ได้ละเอียดเท่ากับการมี Galaxy Ring ทำงานร่วมกัน และเช่นกัน การมี Galaxy Ring จะมีข้อจำกัดในการเก็บข้อมูลได้ไม่หลากหลายเท่ากับการใช้งาน Galaxy Watch เพียงอย่างเดียว และหากใช้งานร่วมกัน จะทำให้การเก็บข้อมูลได้มากขึ้น แม่นย้ำมากขึ้น (หากไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณ แนะนำซื้อใช้คู่กันเลย)
- Galaxy Ring เหมาะกับการเก็บข้อมูลพื้นฐาน ตามเซนเซอร์ที่มีอยู่ทั้งหมด 3 ชิ้น ด้วยการสวมใส่ที่กระชับ แน่น สัมผัสกับผิวหนังอย่างใกล้ชิดกว่า Galaxy Watch จะได้ผลลัพท์ที่ดีกว่า
- Galaxy Watch มีจอแสดงผล การเก็บข้อมูลได้หลากหลายกว่า (แต่ไม่ละเอียดเท่า Galaxy Ring) ใช้งานได้หลากหลายกว่า แต่อาจจะใหญ่ บางคนอาจจะไม่สะดวกในการสวมใส่
ข้อระวังในการใช้งาน Galaxy Ring
ประสบการณ์ส่วนตัวเลย ที่อยากจะแนะนำ ข้อแรก การล้างมือแบบสะอาด ด้วยความที่แหวนมีขนาดหลวม ใส่สบาย ไม่แน่นมาก เวลาล้างมือแบบใช้สบู่เหลวร่วมด้วย จะทำให้แหวนลื่น อาจจะหลุดออกจากนิ้ว ตกพื้น หรือร่วงลงไปในท่อระบายน้ำที่ไม่มีตะแกรง ดังนั้น ก่อนที่จะล้างมือแบบสะอาดร่วมกับสบู่เหลวล้างมือ ให้ถอดแหวนเก็บก่อน ** ไม่แนะนำให้ใส่ว่ายน้ำ โอกาสหลุดหายจากนิ้วสูงมาก **
แต่การเป็นการล้างมือทั่วๆ ไป สามารถล้างมือได้ตามปกติเลย ส่วนเรื่องน้ำจะทำให้แหวนเสีย หรือพังเร็วไหม ตัว Galaxy Ring รอบรับการกันน้ำรับดับ IP68 ปลอดภัยหายห่วงได้
ข้อสอง การออกกำลังกายหนักๆ หากเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว และเล่นเครื่องเล่นต่างๆ ที่ต้องใช้มือในการยก ควรต้องถอด Galaxy Ring ออกก่อนเล่นทุกครั้ง เพราะการที่มือข้างที่สวมใส่ ยกน้ำหนัก ทั้งดัมเบล หรือเครื่องเล่นที่ต้องการใช้น้ำหนักเยอะ อาจจะส่งผลทำให้ เกิดการเกร็ง การกดทับ การบีบของมือได้ ซึ่งอาจจะทำให้ Galaxy Ring เกิดการกดทับจนทำให้ตัวเครื่องเกิดความเสียหายได้
บทสรุป Galaxy Ring แหวนอัจฉริยะ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ
จากการใช้งานตลอดระยะเวลาเดือนกว่าๆ ส่วนตัวรู้สึกว่า เป็นแหวน ที่สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส แต่หากเป็นคนที่ชอบแต่งตัว ไปเที่ยวในสถานบันเทิง ที่มีเครื่องประดับของแต่งกาย ทั้งแหวน สร้อย แนวแฟชั่น อาจจะยังไม่เหมาะที่จะเอามา Mix and Match การแต่งตัว ด้วยรูปทรงที่เรียบ ตามสีที่ผู้ใช้งานเลือกซื้อ อาจจะดู contrast ที่นำมาใส่รวมกันอาจจะขัดๆ บ้าง ซึ่งการสวมใส่สมาร์ทวอชอย่าง Galaxy Watch อาจจะเข้าแมชกับการแต่งตัวได้
เมื่อใส่ Galaxy Watch และ Galaxy Ring พร้อมกัน ส่วนตัวชอบเลย หากเป็นช่วงเวลาปกติ ทั้งเวลาการทำงาน ประชุม พบลูกค้า เดินห้างในเวลาสบายๆ หรือช่างการออกกำลังกาย ก็ดูดีไม่เบา และยิ่งการใช้งานร่วมกันจะให้ข้อมูลที่ครอบคลุมและหลากหลาย เช่น ข้อมูลจาก Galaxy Ring จะช่วยให้คุณติดตามการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องพกพาอุปกรณ์ที่ใหญ่เกินไป ขณะที่ Galaxy Watch จะให้ข้อมูลที่ลึกซึ้งมากขึ้นสำหรับการออกกำลังกายและสุขภาพ
และเมื่อใช้คู่กันถือเป็นการเสริมศักยภาพในการติดตามสุขภาพและกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างสมบูรณ์แบบ โดยแต่ละอุปกรณ์จะทำหน้าที่ในด้านที่ต่างกัน ทั้งในเรื่องของการออกกำลังกายที่ซับซ้อน (Galaxy Watch) และการติดตามกิจกรรมเบื้องต้นอย่างง่าย (Galaxy Ring) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถได้รับข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม เสริมประสิทธิภาพสูงสุด
หากราคา 14,900 บาท อาจจะสูงไปสักนิด เมื่อเทียบกับการซื้อสมาร์ทวอชมาเก็บสถิติข้อมูลสุขภาพ หรือการออกกำลังกาย ผมแนะนำว่า Galaxy Ring เป็นทางเลือกเสริม ที่ควรมีไว้ใช้งาน แต่หากต้องการซื้อมาสลับใส่กับสมาร์ทวอช หรือ Galaxy Watch ตามแต่โอกาสต่างๆ ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีครับ