พรีวิว Samsung Galaxy Buds3 Series & Galaxy Watch7 / Watch Ultra การอัพเกรดครั้งใหญ่ของไลน์โปรดักซ์ Wearable

โดย RingRangRung | 10 กรกฎาคม 2567 เมื่อ 20:00 น. | อ่าน 452
พรีวิว Samsung Galaxy Buds3 Series & Galaxy Watch7 / Watch Ultra การอัพเกรดครั้งใหญ่ของไลน์โปรดักซ์ Wearable

ในงาน Samsung Unpacked 2024 อีกสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้มือถือจอพับรุ่นใหม่คือไลน์สินค้า Wearable ที่รอบนี้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งหูฟังในรุ่น Galaxy Buds3 Series และกลุ่มสมาร์ทวอทช์ Galaxy Watch7 / Watch Ultra ส่วนจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างไปชมกัน

Samsung Galaxy Buds3 Series

หูฟังของ Samsung มาพร้อมกับการอัพเกรดครั้งใหญ่ตรงกับข่าวลือก่อนงานเปิดตัว โดยที่ Samsung Galaxy Buds3 Series ทั้ง Buds3 และ Buds3 Pro จะเป็นหูฟัง TWS แบบมีก้านแล้ว

แน่นอนว่าการที่ Samsung เปลี่ยนมาทำหูฟังแบบมีก้านก็ต้องมาพร้อมคำครหาว่ากำลังเลียนแบบแบรนด์คู่แข่งอยู่หรือเปล่า? แต่ถ้าเราสังเกตด้านการดีไซน์จะเห็นได้ว่า Galaxy Buds3 Series จะมาแบบ Ultra Sleek ให้ความรู้สึกที่ดูโมเดิลดุดัน ไม่ได้เรียบๆ มินิมอลเหมือนของคู่แข่ง หรือเหมือนหูฟังแบบ Buds ของตนเองในอดีต

ถ้าว่ากันด้วยรูปลักษณ์ภายในต้องบอกว่าหูฟังทั้งสองรุ่นจะไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก อย่างไรก็ตามถ้าลงรายละเอียดก็จะมีหลายจุดที่ช่วยแยกความแตกต่างของแต่ละรุ่นได้

เริ่มจาก Samsung Galaxy Buds3 Pro จะเป็นหูฟังที่สวมใส่แบบ In-ear ตอบโจทย์คนที่ชอบความเงียบ อยากได้หูฟังที่กระชับเกาะติดกับรูหู ซึ่งรุ่นนี้จะมีลูกเล่นอย่างไฟ Blade Light บนก้านหูฟังแต่ละข้าง

ขณะที่ Galaxy Buds3 จะเป็นครั้งแรกที่ Samsung ทำหูฟังแบบ Open-ear ตอบโจทย์คนชอบหูฟังที่ใส่สบายไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดในช่องหู และรุ่นนี้จะไม่มีไฟ Blade Light บนก้าน

ทั้งสองรุ่นจะมีขาย 2 สี ได้แก่ สีดำ ที่ส่วนตัวมองว่าค่อนข้างเป็นสีเทาเมทัลลิคเฉดเข้มๆ กับสีขาว ขณะที่ดีไซน์เคสจะคล้ายๆ กันคือเป็นตลับทรงสี่เหลี่ยม ที่ส่วนฝาตลับจะเป็นแบบใส มีไฟ LED แสดงสถานะด้านหน้า และมีพอร์ตชาร์จ USB-C อยู่ด้านล่าง

แนวคิดในการพัฒนา Galaxy Buds3 Series ทาง Samsung ต้องการที่จะให้หูฟังรุ่นนี้ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านเสียงและการสื่อสาร ซึ่งการตัดสินใจเพิ่มก้านหูฟังเข้ามาก็ค่อนข้างชัดเจนว่าผู้พัฒนาต้องการให้หูฟังรุ่นนี้สามารถจับเสียงพูดของผู้ใช้ได้ดีขึ้น

ด้านระบบเสียงใน Galaxy Buds รุ่นใหม่ มีการปรับเพิ่ม Sampling rate เป็น 2 เท่า จากเดิม 48kHz เป็น 96kHz ที่ความลึก 24bit ทำให้มิติเวทีเสียงด้านกว้างและด้านลึก รวมถึงรายละเอียดเสียงของชิ้นดนตรีต่างๆ เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับมาเป็น Dual Amplifier เพื่อเพิ่มการกระจายเสียง และใส่ลำโพงมา 2 ตัว โดยที่ตัวหนึ่งเป็น Dynamic Driver ส่วนอีกอันเป็น Plana Driver

หูฟังของ Samsung มีการสั่งงานแบบสัมผัสและบีบที่ตัวก้าน โดยแน่นอนว่ามีฟีเจอร์ใหม่ รวมถึงมีการนำ AI เข้ามาใช้งานทั้ง

  • Automatic Noise Adjustment : อีกขั้นของระบบตัดเสียงรบกวน ANC ที่ตัว AI จะเพิ่มลดระดับการทำงานของ ANC ตามสภาพแวดล้อมที่ผู้ใช้อยู่ในขณะนั้นยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ในจุดที่มีเสียงรบกวนดังมากๆ ANC ก็จะถูกดันขึ้นไปในระดับสูงสุด แต่เมื่อผู้ใช้เดินอยู่นอกบ้าน AI ก็จะปรับ ANC มาเป็นระดับกลางเพื่อให้ยังพอรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบข้าง ในกรณีที่จับพฤติกรรมได้ว่าผู้ใช้กำลังสนทนากับใครอยู่ตัว ANC ก็จะลดต่ำลงจนพอที่จะทำให้ผู้ใช้ได้ยินคู่สนทนาและจะปรับมาเป็นระดับเดิมเมื่อบทสนทนาจบ แต่ถ้ามีเสียงสัญญาณฉุกเฉิน หรือ สัญญาณเตือนภัย ตัว ANC ก็จะลดต่ำลงจนเป็น Ambient Mode ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการทำงานโดยอัตโนมัติ
  • Personalized your Style : ปรับแต่งเสียงให้เป็นรูปแบบเฉพาะตามการใช้งานของแต่ละแอปได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อใช้งานแอปที่เกี่ยวกับการฟังเพลงผู้ใช้ก็จะสามารถกำหนดได้ว่าเมื่อเปิดแอปนี้ขึ้นมาหูฟังก็จะเพิ่มย่านเบสในตัว Equalizer โดยอัตโนมัติ ในทางกลับกันถ้าเปลี่ยนไปใช้งานแอปที่เกี่ยวกับการดูหนัง ดูซีรีส์ ย่านเสียงของหูฟังก็จะปรับไปเน้นเรื่องไดนามิกมากขึ้น หรือเปิดโหมด 360 Audio เพื่อรองรับระบบเสียงรอบทิศทางเป็นต้น

Samsung Galaxy Watch7 & Watch Ultra

Galaxy Watch ในปีนี้มีการปรับปรุงทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยมีรุ่นที่เป็นไฮไลท์คือไลน์โปรดักซ์ใหม่อย่างโมเดล Ultra ที่ดูจากการตั้งชื่อแล้วก็คงไม่ต้องเสียเวลาอธิบายว่าถูกพัฒนามาเพื่อชนกับสมาร์ทวอทช์รุ่นอะไร

Samsung Galaxy Watch Ultra เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ Samsung พัฒนามาเพื่อเจาะตลาดผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมแนว Extreme ซึ่งต้องการอุปกรณ์ที่มีความทนไม้ทนมือมากกว่าสมาร์ทวอทช์เพื่อคนรักสุขภาพทั่วไป

Galaxy Watch Ultra มากับหน้าปัดดีไซน์ Squircle หรือให้จินตนาการประมาณว่าเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมแต่ถูกตัดขอบให้มนลง ซึ่งนาฬิการุ่นนี้จะตัวเลือกเฉพาะรุ่นหน้าปัด 47มม. วางขายในสี Titanium Gray, Titanium White และ Titanium Sliver

สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้เรียกว่าตอบโจทย์สายลุยด้วยวัสดุตัวเรือนไทเทเนียมเกรด 4 ซึ่งเป็นระดับ Aerospace-Grade รองรับการกันน้ำระดับ 10ATM กันฝุ่น IP6X ผ่านการทดสอบความทนทานตามมาตรฐานทางการทหารของสหรัฐฯ ในระดับ MIL-STD 810H สามารถทนทานต่ออุณหภูมิตั้งแต่ -20 องศา จนถึง 55 องศา และยังทนทานต่อแรงกดอากาศจากใช้งานในระดับความสูงจากน้ำทะเล 9,000 เมตร

หน้าปัดคลุมทับด้วยกระจก Sapphire Crystal จอ Super AMOLED ขนาด 1.5 นิ้ว ดันความสว่างได้สูงสุด 3,000nits

สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้จะมีปุ่มกดมาให้ 3 ปุ่มอยู่ขอบด้านขวาโดยสองปุ่มบนกับล่างจะเป็นปุ่มสั่งงานที่เราคุ้นเคยกันดี แต่ความพิเศษจะอยู่ที่ปุ่มตรงกลางที่ทาง Samsung เพิ่มเข้ามาโดยปุ่มนี้จะใช้เพื่อเป็นปุ่มทางลัดในการเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ

ในส่วนของ Galaxy Watch7 Series ด้านดีไซน์มีการปรับเปลี่ยนจากรุ่น Watch6 แค่เพียงเล็กน้อย โดยที่หน้าปัดยังคงเป็นทรงกลมสไตล์โมเดิร์นมินิมอล มีตัวเลือก 2 ขนาดหน้าปัดได้แก่รุ่น 44มม. ที่จะวางจำหน่ายในสี Green กับรุ่น 40มม. ที่ขายในสี Green กับ Cream

วัสดุตัวเรือนเป็น Armor Alumnium 2 คลุมทับหน้าปัดด้วยกระจก Sapphire Crystal มีมาตรฐานกันน้ำระดับ 5ATM โดยรุ่นที่ขนาด 40mm จะมีหน้าจอ 1.3 นิ้ว ส่วนรุ่นขนาด 44mm จะมีหน้าจอ 1.5 นิ้ว ส่วนด้านขวาของตัวเรือนจะมีปุ่มกดสองปุ่มเหมือนเดิม

ทางด้านชิปประมวลผลของนาฬิการอบนี้มีการอัพเกรดโดยเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิปประมวลผลขนาด 3 นาโนเมตร อย่าง Exynos W100 เพื่อให้สมาร์ทวอทช์มีการตอบสนองที่รวดเร็ว ราบรื่น ให้ประสิทธิภาพด้านการประมวลผลสูงขึ้น 3 เท่า และจัดการพลังงานได้ดีกว่าเดิม 30%

นอกจากนี้ตัวเซ็นเซอร์ BioActive Sensor ด้านหลังนาฬิกาก็มีการปรับปรุงโดยเพิ่มจำนวนเซ็นเซอร์ LED 3 เท่า จาก 4 ตัว มาเป็น 13 ตัว พร้อมอัพเกรดมีระบบ Dual-GPS ใหม่ จับช่วงคลื่นความถี่ L1 กับ L5 ส่งผลให้สามารถระบุตำแหน่งผู้สวมใส่ได้แม่นยำขึ้น 20%

ด้านการใช้งานสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ ก็ยังมากับระบบจัดการพลังงานใหม่ช่วยให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม 2 เท่า หรือเกือบ 100 ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยที่ Galaxy Watch7 รุ่น 40mm กับ 44mm จะมีแบตเตอรี่ขนาด 300mAh และ 425mAh ตามลำดับ พร้อมความจำภายใน 32GB ส่วน Galaxy Watch Ultra แบตเตอรี่ให้มา 590mAh โดยมีความจำภายใน 32GB เท่ากัน

สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่กับระบบปฏิบัติการ One UI 6 ที่แน่นอนว่า Samsung ก็ได้มีการนำ Galaxy AI มาทำงานซึ่งก็มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจทั้ง

  • My Energy Score : ที่ตัว AI จะตรวจจับการทำกิจกรรม, การนอน, การหายใจ ของผู้ใช้ในแต่ละวันก่อนจะประมวลผลมาเป็นคะแนนพร้อม Wellness Tips ที่เป็นคำแนะนำการดูแลสุขภาพโดยอ้างอิงจากข้อมูลของผู้ใช้
  • Personal Challenge : ตามสไตล์ของคนรักสุขภาพที่มักจะมีการท้าทายตัวเองอยู่เสมอ ซึ่ง AI ตัวนี้จะช่วยเปรียบเทียบผลลัพท์การวิ่งของผู้ใช้ว่ามีพัฒนาจากครั้งที่ผ่านมาแค่ไหนซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับข้อมูลได้ถึง 14 วัน ทำให้เห็นภาพการพัฒนาที่ชัดเจนขึ้น
  • Smart Reply : ระบบแนะนำคำสำหรับการตอบกลับข้อความผ่านสมาร์ทวอทช์โดยที่ AI จะสังเกตรูปแบบการสนทนาที่ผ่านมา และจะช่วยแนะนำข้อความตอบกลับด่วนที่เหมาะสมกับการสนทนานั้นๆ

ราคาและการวางจำหน่าย

สำหรับการสั่งจองล่วงหน้า ราคา Galaxy Buds3 Pro ราคา 7,490 บาท และ ราคา Galaxy Buds3 ราคา 5,490 บาท เปิดพรีออเดอร์ 10 กรกฏาคม และจะวางจำหน่าย 24 กรกฏาคม

Galaxy Watch Ultra ราคา 23,900 บาท ขณะที่ Galaxy Watch7 44mm Bluetooth ราคา 12,900 บาท และ รุ่น 40mm Bluetooth ราคา 10,900 บาท

About Author

RingRangRung

RingRangRung

Partners