รีวิว Samsung Galaxy A55 5G / A35 5G คู่หูเรทหมื่นกลาง ดีไซน์เนี้ยบ สเปคกล้อง 4K

โดย RingRangRung | 3 เมษายน 2567 เมื่อ 20:12 น. | อ่าน 6,066
รีวิว Samsung Galaxy A55 5G / A35 5G คู่หูเรทหมื่นกลาง ดีไซน์เนี้ยบ สเปคกล้อง 4K

รีวิว Samsung Galaxy A55 5G และ Galaxy A35 5G ตัวเลือกมือถือระดับกลางที่น่าสนใจ ด้วยสเปคคุ้ม ๆ ด้วยดีไซน์ที่อัพเกรดใหม่ ใช้จอ Super AMOLED 120Hz กล้องถ่ายวีดีโอ 4K

สารบัญ

สเปค Samsung Galaxy A55 5G / Galaxy A35 5G

  • สัดส่วน + น้ำหนัก
    • Galaxy A55 : 161.1 x 77.4 x 8.2 มม. / หนัก 213 กรัม
    • Galaxy A35 : 161.7 x 78 x 8.2 มม. / หนัก 209 กรัม
  • หน้าจอ
    • Galaxy A55 : Super AMOLED 6.6 นิ้ว 1080 x 2340 (FHD+), 403ppi, รีเฟรชเรท 120Hz, HDR10+, 1000 nits
    • Galaxy A35 : Super AMOLED 6.6 นิ้ว 1080 x 2340 (FHD+), 309ppi, รีเฟรชเรท 120Hz, 1000 nits
  • กล้องหลัง
    • Galaxy A55 : Main Wide 50MP (F/1.8, 1/1.56″, 1.0µm, PDAF, OIS) + Ultrawide 12MP (F/2.2, 123˚, 1/3.06″, 1.12µm) + Macro 5MP (F/2.4)
    • Galaxy A35 : Main Wide 50MP (F/1.8, 1/1.96″, 1.0µm, PDAF, OIS) + Ultrawide 8MP (F/2.2, 123˚, 1/4.0″, 1.12µm) + Macro 5MP (F/2.4)
  • กล้องหน้า
    • Galaxy A55 : 32MP (F/2.2, 26mm, 1/2.74″, 0.8µm)
    • Galaxy A35 : 13MP (F/2.2, 26mm, 1/3.06″, 1.12µm)
  • ชิปประมวลผล
    • Galaxy A55 : Exynos 1480 (4nm) / CPU Octa-core (4×2.75 GHz Cortex-A78 & 4×2.0 GHz Cortex-A55) / GPU Xclipse 530
    • Galaxy A35 : Exynos 1380 (5nm) / CPU Octa-core (4×2.4 GHz Cortex-A78 & 4×2.0 GHz Cortex-A55) / GPU Mali-G68 MP5
  • ความจำที่ขายในไทย
    • Galaxy A55 : RAM 12+256GB / RAM 8+128GB รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB
    • Galaxy A35 : RAM 8+128GB รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB
  • ระบบปฏิบัติการ
    • Galaxy A55 : Android 14, One UI 6.1
    • Galaxy A35 : Android 14, One UI 6.1
  • เครือข่ายที่รองรับ
    • Galaxy A55 : 2G GSM, 3G WCDMA, 4G LTE FDD, 4G LTE TDD, 5G Sub6 FDD, 5G Sub6 TDD
    • Galaxy A35 : 2G GSM, 3G WCDMA, 4G LTE FDD, 4G LTE TDD, 5G Sub6 FDD, 5G Sub6 TDD
  • การเชื่อมต่อ
    • Galaxy A55 : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax 2.4GHz+5GHz, HE80, MIMO, 1024-QAM, Bluetooth 5.3, A2DP, LE
    • Galaxy A35 : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax 2.4GHz+5GHz, HE80, MIMO, 1024-QAM, Bluetooth 5.3, A2DP, LE
  • เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง
    • Galaxy A55 : GPS, GALILEO, GLONASS, BDS, QZSS
    • Galaxy A35 : GPS, GALILEO, GLONASS, BDS, QZSS
  • แบตเตอรี่
    • Galaxy A55 : 5000mAh รองรับชาร์จไว 25W
    • Galaxy A35 : 5000mAh รองรับชาร์จไว 25W

ดีไซน์

Samsung Galaxy A55 5G และ A35 5G ในภาพรวมของงานออกแบบจะไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนมากนัก แต่จุดที่สำคัญคือในปีนี้ Samsung ได้พยายามทำให้ A55 และ A35 ออกมาเหมือนกันมากที่สุด รวมถึงขนาดและน้ำหนักที่จะแตกต่างกันแค่เล็กน้อย ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการย้ำภาพความเป็นมือถือพี่น้องให้ชัดเจนขึ้น

สิ่งที่แตกต่างกันชนิดสังเกตได้คือเรื่องวัสดุที่ Galaxy A55 จะใช้วัสดุที่เป็นไฮเกรดโดยมีกรอบเครื่องเป็นโลหะ แผงฝาหลังเป็นกระจก Gorilla Glass 7+ ด้านหน้าคลุมด้วย Gorilla Glass Victus+ มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีฟ้า Awesome Iceblue, สีกรม Awesome Navy และสีม่วง Awesome Lilac ซึ่งเป็นสีไฮไลต์ของรุ่น พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67

ขณะที่ Galaxy A35 จะลดเกรดวัสดุลงมาโดยที่ฝาหลังเป็นกระจกทั่วไป ขณะที่กรอบเครื่องเป็นพลาสติก ส่วนด้านหน้าคลุมด้วย Gorilla Glass Victus+ เหมือนกับรุ่นพี่ ขณะที่สีก็มีตัวเลือก 3 สี ได้แก่ สีม่วง Awesome Lilac, สีกรม Awesome Navy และสีฟ้า Awesome Iceblue สีไฮไลต์ของรุ่นนี้ พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67

ทางด้านหน้าจอของทั้งสองรุ่นเป็นแบบ Infinity-O Display ที่มีการออกแบบสัดส่วนของขอบจอทั้งสี่ด้านให้สมมาตรมากขึ้น ตัวสเปคหน้าจอของ Galaxy A55 5G เป็น Super AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.6 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz ที่ปรับได้ระหว่าง Standard 60Hz กับ Adaptive ที่จะปรับรีเฟรชเรตให้อัตโนมัติ และรองรับการแสดงผลคอนเทนท์ HDR10+

ในส่วนของ Galaxy A35 5G ก็ใช้สเปคจอเดียวกันโดยเป็น Super AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.6 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz ปรับได้เหมือนกับรุ่น A55 ไม่รองรับคอนเทนท์ HDR10+ แต่อย่างไรก็ดีทั้งสองรุ่นก็มีหน้าจอความสว่างสูงสุด 1,000nits ซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับการใช้งานมือถือกลางแจ้งอย่างแน่นอน

ทางด้านองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งสองรุ่นจัดวางตำแหน่งมาเหมือนกันทั้ง ขอบด้านขวามีปุ่มพาวเวอร์และปุ่มปรับระดับเสียง ช่องใส่ซิมการ์ดกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนอยู่ขอบด้านบน โดยตัวถาดซิมเป็นแบบ Hybrid slot ที่ต้องเลือกว่าจะใส่สองซิม หรือใส่ซิมหลักกับหน่วยความจำเสริม ส่วนฐานเครื่องด้านล่างมีพอร์ต USB-C, ลำโพงหลัก และไมโครโฟน

อีกสิ่งเหมือนกันของสองรุ่นนี้ก็คือ ให้ลำโพงคู่ รองรับ Dolby Atmos จะดูคลิป ชมซีรีส์ หรือเล่นเกมก็เสียงดังฟังชัด

การประมวลผลและการใช้งาน

Galaxy A55 5G และ Galaxy A35 5G ใช้ชิปประมวลผลที่เป็นของ Samsung เอง โดยที่รุ่น A55 ใช้ชิปประมวลผลตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Exynos 1480 ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมขนาด 4nm ประมวลผลแบบ Octa-core กำลังสูงสุด 2.75GHz และเป็นครั้งแรกที่ Samsung นำ GPU Xclipse 530 ที่พัฒนาร่วมกับ AMD มาใช้งาน ทำให้ชิปรุ่นนี้มีประสิทธิภาพ CPU สูงขึ้น 15% และ GPU สูงขึ้น 32% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

ขณะที่หน่วยความจำให้ RAM สูงสุด 12GB กับ ROM 256GB รองรับหน่วยความจำเสริม microSD Card สูงสุด 1TB มีแบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จไว 25W

ในส่วนของ A35 5G ใช้ชิป Exynos 1380 สถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 5nm ประมวลผลแบบ Octa-core กำลังสูงสุด 2.4GHz ใช้ GPU Mali-G68 MP5 ให้สเปค RAM 8GB กับ ROM 128GB รองรับหน่วยความจำเสริม microSD Card สูงสุด 1TB มีแบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จไว 25W

นอกจากเรื่องชิปแล้วทั้งสองรุ่นยังมีการอัพเกรดระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ถูกขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 2,741ml จากของเดิม 1,577ml ช่วยให้ควบคุมความร้อนเวลาใช้งานหนัก ๆ หรือใช้งานกลางแจ้งได้ดีขึ้น พร้อมทั้งมีเทคโนโลยี RAM Plus ซึ่งจะดึงเอาพื้นที่เก็บข้อมูลภายในส่วนที่เหลือให้เป็น RAM เสมือนได้ตามระดับที่ต้องการ

ด้านระบบปฏิบัติการที่ติดเครื่องมาเป็น Android 14 คลุมด้วย One UI 6.1 แถมถูกใจคนที่ชอบความคุ้มค่าเพราะ Samsung การันตีไว้แล้วว่าทั้ง Galaxy A55 และ A35 จะได้อัพเดต Android 4 เวอร์ชั่น และอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยต่อเนื่อง 5 ปี เรียกว่าซื้อไปแล้วก็ได้ใช้งานยาว ๆ

ในส่วนของการทดสอบด้วยแพลตฟอร์ม Benchmark ได้ผลลัพท์ดังนี้

  • Galaxy A55 5G
    • Geekbench 6 = Single-core 1144 คะแนน / Multi-core 3361 คะแนน
    • PC Mark = 13218 คะแนน
  • Galaxy A35 5G
    • Geekbench 6 = Single-core 1020 คะแนน / Multi-core 2878 คะแนน
    • PC Mark = 13569 คะแนน

ในพาร์ทของการเล่นเกมก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงทั้ง ROV ก็เล่นภาพ Ultra เฟรมเรท 60fps ได้ทั้งสองรุ่น ขณะที่ PUBG Mobile ตั้งได้สูงสุด HDR-Ultra ส่วน Call of Duty Mobile ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อยที่รุ่น A53 ตั้งค่ากราฟฟิกได้สูงสุดที่ High เฟรมเรท Very High ขณะที่ A55 กราฟฟิกเปิดได้แค่ระดับ Low ส่วนเฟรมเรท High ทั้ง ๆ ที่ใช้ชิปที่ประสิทธิภาพสูงกว่า ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากระบบของตัวเกมที่ต้องรออัพเดตแพตช์แก้ไขกันต่อไป สำหรับเกมกินสเปค Genshin Impact พรีเซ็ตการตั้งค่าที่แนะนำของทั้งสองรุ่นคือ Low

Galaxy A55

Galaxy A35

การถ่ายภาพ

ทั้ง Galaxy A55 5G และ Galaxy A35 5G ใช้สโลแกน “ถ่ายวีดีโอ 4K คมชัดขึ้น 4 เท่า” ในการทำตลาด ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการอัพเกรดประสิทธิภาพกล้องให้สูงขึ้น

Samsung Galaxy A55 5G ใช้กล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX906 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.8 มี OIS ทำงานร่วมกับกล้อง Macro 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 กับกล้อง Ultrawide 12 ล้านพิกเซล F/2.2 ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล F/2.2

ขณะที่ Samsung Galaxy A35 5G ใช้กล้องหลักความละเอียดเท่าพี่ใหญ่คือ 50 ล้านพิกเซล แต่เซ็นเซอร์เป็นรุ่น IMX882 รูรับแสง F/1.8 มี OIS แต่ไปลดทอนในส่วนของกล้องเสริมโดยที่กล้อง Macro ยังคง 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 แต่กับ Ultrawide เหลือ 8 ล้านพิกเซล F/2.2 ส่วนกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล F/2.2

เรื่องการถ่ายภาพทั้งสองรุ่นทำได้ดีสมราคาทั้งการเก็บสีสัน ความคมชัด และรายละเอียด โดยที่ปีนี้ Samsung จะเน้นความเป็น Natural Tone หรือสีสันที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ความฉูดฉาดของภาพลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในกรณีที่ถ่ายตอนกลางคืนในรุ่น A55 ก็มีเทคโนโลยีขยายเม็ดพิกเซลเป็น 2.0um ด้วยความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ช่วยลด Noise ในส่วนของการถ่าย Portrit ตัดขอบได้เนียนแต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายในระยะ 2x ได้เนื่องจากไม่มีเลนส์ Tele

ตัวอย่างภาพถ่าย Samsung Galaxy A55 5G

ตัวอย่างภาพถ่าย Samsung Galaxy A35 5G

ในส่วนของการถ่ายวีดีโอทั้งสองรุ่นรองรับการบันทึกวีดีโอความละเอียดสูงถึง 4K นอกจากนี้ Samsung ยังใส่คุณสมบัติกันสั่นให้กับกล้องหลักทำให้ถ่าย 4K ได้นิ่งขึ้น แม้ไม่เปิดโหมด Super Steady โดยเป็นการทำงานร่วมกันของตัวฮาร์ดแวร์ OIS กับซอฟต์แวร์ VDIS รวมถึงมีคุณสมบัติการถ่าย Super VDO HDR ระดับ 12bit เมื่อถ่ายในระดับความละเอียด FHD 30fps (ถ้าถ่าย UHD 4K การแสดงผล HDR จะอยู่ที่ 10bit) และมี Dual Recording ถ่ายกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกันในรุ่น A55

ราคาและการวางจำหน่าย

Samsung Galaxy A55 5G มีเข้าไทยสองสเปครุ่น RAM 12+256GB เคาะที่ 15,999 บาท และรุ่น 8+128GB ราคา 13,999 บาท สำหรับ Galaxy A35 5G มีสเปคเดียว 8+128GB ราคา 11,999 บาท

ภาพรวมจากที่ได้ลองใช้งานมาทั้งสองรุ่นถือว่าเป็นตัวเลือกมือถือราคาเรทหมื่นกลาง ๆ ที่มีความน่าสนใจด้วยวัสดุเครื่องที่ค่อนข้างดี หน้าจอคมชัดเป็นธรรมชาติ รวมถึงกล้องที่ตอบโจทย์คนที่ทำคอนเทนท์ลงโซเชียล และการันตีการอัพเดตระบบปฏิบัติการที่ให้ต่อเนื่อง 4 เวอร์ชั่น เรียกว่าใช้กันได้ยาว ๆ

สำหรับใครที่มีงบแต่ไม่อยากจ่ายทีเดียวหนัก ๆ ทั้งสองรุ่นก็ได้เข้าโปรแกรม Samsung Finance+ โดยที่ A55 ผ่อนจ่ายเริ่มต้นเพียง 450 บาท ขณะที่ A35 ผ่อนเริ่มต้น 353 บาท อีกด้วย สามารถหาซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ samsung.com, Samsung Official Store บน Shopee และ Lazada หรือหน้าร้านที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ

พรีวิว SAMSUNG GALAXY A55 5G / A35 5G คู่หูสุดคุ้ม สเปคกล้องจัดเต็มทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอ

About Author

RingRangRung

RingRangRung

Partners