ถ้าพูดถึงมือถือเกมมิ่งในปัจจุบันชื่อที่มักจะนึกถึงขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ก็ต้องเป็น ASUS ROG Phone และล่าสุด ROG Phone 9 Series ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวในไทยแล้ว
ROG Phone 9 Series เปิดตัวในไทย 3 รุ่น ได้แก่ ROG Phone 9 FE, ROG Phone 9 กับ ROG Phone 9 Pro Edition with AeroActive Cooler X Pro

เนื่องจากเราได้มีโอกาสสัมผัสเครื่องจริง ROG Phone 9 Pro Edition มาแบบคราวๆ ก็มาดูกันดีกว่ามีอะไรที่ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้โดดเด่นกันบ้าง โดยที่เราได้ทำการ พรีวิว แล้วสรุปออกมาเป็น 9 ข้อดังนี้
1. ดีไซน์หรูหรา-พร้อม AniMe Vision เล่นเกมได้แบบ Retro!
ASUS ROG Phone 9 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงสายเกมมิ่ง ฉะนั้นดีไซน์ก็ต้องดุดัน ล้ำสมัย โดยที่ตัวเครื่องเป็นสีดำ Phantom Black ถูกออกแบบให้กะทัดรัด ในสัดส่วน 163.8 x 76.8 x 8.9 มม. หนัก 227 กรัม สำหรับรุ่น Pro ฝาหลังของเครื่องมีผิวสัมผัสด้าน แต่จับแล้วเนียนมือ ด้วยเทคโนโลยี นาโนคริสตัล ขณะที่กรอบโมดูลกล้องตัดเส้นตัดสีแดงสดเพื่อความโดดเด่น





ความพิเศษของสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้คือมีลูกเล่น AniMe Vision เวอร์ชั่นใหม่ โดยที่ในรุ่น Pro อัพเกรดเพิ่มไฟ Mini-LED มาเป็น 648 ดวง (จากเดิม 341 ดวง) เรียงตัวแบบ Dot Matrix สามารถปรับแต่งการแสดงผลของแสงสีได้อิสระ พร้อมฟีเจอร์แอนิเมชันลับ 12 แบบ ที่จะปลดล็อคเมื่อเอาเครื่องไปแตะจับคู่กับ ROG Phone เครื่องอื่น





นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AniMe Play ให้ผู้ใช้ได้เล่นเกมพิกเซลแบบเรโทร 4 เกม ได้ที่ด้านหลังเครื่อง โดยควบคุมผ่านปุ่ม AirTrigger ด้านข้างของเครื่อง ซึ่งเล่นได้ทั้งแบบชิลล์ๆ เพื่อฆ่าเวลา หรือจะเล่นแบบจริงจังเพื่อเก็บคะแนนสะสมจัดอันดับบนตารางแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่นๆ ทั่วโลก
2. หน้าจอเกมมิ่งที่ดีที่สุด พร้อมระบบเสียงคุณภาพสูง
มือถือเล่นเกมที่ดีไม่ใช่แค่มีสเปกที่แรงแต่ระบบภาพและเสียงก็ต้องทำให้ถึงเครื่อง ซึ่ง ROG Phone 9 Series ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว โดยมากับพาแนลจอ Samsung E6 AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว พร้อมฟีเจอร์ LTPO ปรับรีเฟรชเรทได้สูงสุด 185Hz (ปรับอัตโนมัติ 1-120Hz) พร้อมดันความสว่างได้สูงถึง 2,500nits ทำให้ใช้งานได้ทุกสถาวะแสง

ทางด้านระบบเสียงก็ถึงใจด้วยลำโพงคู่สเตอริโอระดับ Hi-Res Audio ปรับจูนโดย DIRAC รองรับ DIRAC VIRTUO สำหรับการเชื่อมต่อหูฟัง (รองรับทั้งผ่าน 3.5mm / USB-C / Bluetooth) แถมได้ระบบตัดเสียงรบกวน Bi-Directional AI ให้เสียงในการพูดคุยที่คมชัดสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ตัวระบบ UI ของ Asus ยังเปิดให้ผู้ใช้สามารถเลือกปรับระดับเสียงของแต่ละแอปได้อย่างอิสระ ยกตัวอย่างเช่น เราอาจจะกำหนดระดับเสียงเมื่อเข้าเกมไว้ที่ 30% ส่วนแอป YouTube ที่ 80% ซึ่งเมื่อสลับการใช้งานระดับเสียงของเครื่องก็จะปรับไปตามแอปที่เรากำหนดไว้



แล้วใครที่ใช้เคสกันกระแทกของ ROG ก็จะได้รับประสบการณ์เสียงแบบ Front-Facing ด้วยเทคโนโลยี Audio Redirection เสมือนลำโพงสเตอริโอที่มีการวางตำแหน่งหันเข้าสู่ผู้ใช้โดยตรง และเมื่อติดตั้ง AeroActive Cooler X Pro เข้าไปก็จะได้ซับวูฟเฟอร์มาเพิ่มทำให้เสียงย่านต่ำที่หนักแน่นยิ่งขึ้นถึง 23.9%

3. พร้อมลุยทุกระดับด้วยพลังประมวลผล Snapdragon 8 Elite
Asus เลือกใช้ชิปประมวลผลที่ทรงพลังที่สุดอย่าง Snapdragon 8 Elite เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อน ROG Phone 9 Pro ขณะที่รุ่น FE ใช้ Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งตัว 8 Elite เป็นชิป 3nm ให้กำลัง CPU สูงถึง 4.3GHz มีขุมกำลัง Oryon CPU แรงขึ้น 45% ได้ GPU Adreno แรง 40% และ Hexagon NPU แรง 40%

ขณะที่สเปกหน่วยความจำก็ใช้ของดีที่สุดโดยที่ตัว Pro Edition จะได้ LPDDR5X RAM สูงสุด 24GB และ ROM UFS 4.0 1TB ขณะที่รุ่น Pro ปกติเป็น 16GB+512GB ส่วนโมเดล FE เป็น 16GB+256GB และแน่นอนว่ารุ่นนี้ก็ยังมาพร้อมโหมด X Mode ในแอป Armoury Crate ที่จะเร่งประสิทธิภาพเครื่องให้ทำงานในระดับสูงสุด

4. ระบบระบายความร้อน GameCool 9 + AeroActive Cooler X Pro เย็นจัดไม่สะดุด
เพื่อการใช้งานได้แรงต่อเนื่อง Asus ROG Phone 9 Series ได้มีการออกแบบระบบภายในด้วยเทคโนโลยี GameCool 9 โดยวางโครงสร้างระบายความร้อน 5 ชั้น
เริ่มจากการวางตำแหน่งชิปประมวลผลไว้ตรงกลาง ใช้ Rapid-cooling Conductor ที่เป็นเสมือนฮีทซิงค์ในชุดระบายความร้อนบนคอมพิวเตอร์ ดึงความร้อนจากชิปส่งผ่านสารโบรอนไนไตรด์ ไปยังชุด Vapor Chamber ที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเครื่อง โดยที่ชุดระบายความร้อนนี้ประกอบไปด้วย แผ่นกราไฟต์ที่ใหญ่ขึ้น 57% ช่วยกระจายความร้อนได้ดีขึ้น 12%







นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกเสริมประสิทธิภาพด้วยอุปกรณ์เสริมอย่าง AeroActive Cooler X Pro ที่มีการพัฒนาให้มีพัดลมยาวขึ้น 12.5% พร้อมด้วยระบบ Thermoelectric AI Cooling ที่มีแผนเพลเทียร์อยู่ด้านใน และสามารถปรับโหมดการทำงานของพัดลมได้อัตโนมัติผ่าน Armoury Crate
5. AI อัจฉริยะเพื่อการเล่นเกมที่เหนือกว่า
มือถือยุคนี้ถ้าไม่มี AI ก็คงไม่ได้ แล้วยิ่งเป็นมือถือเพื่อการเล่นเกมตัว AI ก็ต้องฉลาดและมีลูกเล่นมากกว่า AI บนมือถือทั่วไป ซึ่ง ROG Phone 9 Series ก็มีทั้ง

- X Sense 3.0: เทคโนโลยี AI ช่วยในการเล่นเกมโดยรองรับเกมดังๆ ทั้ง Genshin Impact (เก็บของอัตโนมัติ, ล็อคการวิ่ง, ข้ามบทสนทนา, ออกจากวงต่อสู้), Honkai Starrail (ข้ามบทสนทนา), ขณะที่เกมอย่าง ROV, Mobile Legends Bang Bang, และ League of Legends Wild Rift นั้นจะมีเอฟเฟคต์พิเศษเมื่อทำการ kill, แจ้งเตือนเมื่อมีบัฟปรากฎ, และอัปสกิลให้ตัวละครอัตโนมัติ
- X Capture: AI ช่วยบันทึกคลิปจังหวะสำคัญในเกมแบบอัตโนมัติสำหรับใครที่อยากจะเอาซีนเด็ดไปขิงกับเพื่อนๆ บนโซเชียล โดยรองรับทั้งเกม ROV, Genshin Impact, และ Honkai Starrail
- AI Grabber: ช่วยในการก๊อปปี้ข้อความสำคัญๆในเกมเพื่อใช้นำไปค้นหาวิธีการเล่น จากระบบค้นหาภายนอก รวมถึงการแปลประโยคต่างๆ ในเกมจากหน้าจอโดยตรงไม่ต้องยกเอาไปแปลที่แอปข้างนอก
- AI Noise Cancellation: ระบบตัดเสียงรบกวนโดย AI สำหรับการสนทนาระหว่างการเล่นเกม ทำให้ไม่พลาดทุกการสื่อสารเมื่อต้องจับทีมเล่น
6. ฟีเจอร์เกมมิ่งที่ครบครันที่สุด
Asus ROG Phone 9 Series ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนเพื่อการเล่นเกม ที่พยายามทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนเล่นผ่านเครื่องคอนโซลพกพามากที่สุดด้วยคุณสมบัติดังนี้


- AirTrigger: ปุ่ม AirTrigger ที่บริเวณขอบด้านข้างตัวเครื่องในรุ่นใหม่ได้ถูกอัปเกรดให้ตอบสนองได้ไวขึ้น


- USB-C Side Port: ในรุ่นนี้ยังคงมีพอร์ต USB-C ทั้งบริเวณฐานเครื่องและด้านข้างของเครื่องทำให้ผู้ใช้สามารถเสียบชาร์จมือถือ หรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จากมุมไหนก็ได้ โดยที่สายไม่เกะกะมือ
- Bypass Charging: ฟีเจอร์การชาร์จไฟโดยดึงพลังงานจากอะแดปเตอร์เข้าอุปกรณ์โดยตรงซึ่งจะช่วยลดความร้อนสะสมที่แบตเตอรี่
- Armoury Crate / Game Genie: ซอฟต์แวร์ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการทำงานต่างๆ ของเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกมในสไตล์ของตัวเองได้
- อุปกรณ์เสริม: ROG Phone 9 Series ยังคงมาพร้อมอุปกรณ์เสริมไม่ว่าจะเป็น ROG Tessen Controller จอยคอนโทรลเลอร์แบบไร้สายทำให้บังคับเกมได้ง่ายขึ้น และ AeroActive Cooler X Pro ที่นอกจากเป็นตัวพัดลมระบายความแล้ว ก็ยังมีเสริมลำโพงซับวูฟเฟอร์ และปุ่มกดเสริม
7. กล้องหลังระดับโปร พร้อมฟีเจอร์ AirTrigger Capture
ROG Phone 9 Series เป็นมือถือเกมมิ่งที่ใส่ใจเรื่องความสามารถด้านการถ่ายภาพ โดยที่ตัวสมาร์ทโฟนรุ่น Pro มาพร้อมกล้องหลังเซ็นเซอร์หลัก Sony LYTIA 50 ล้านพิกเซล พร้อม OIS Hybrid Gimbal Stabilizer 4.0 กันสั่น 6 แกน ทำงานร่วมกับเลนส์ Telephoto 32 ล้านพิกเซล ซูมได้สูงสุด 30 เท่า พร้อม OIS และเลนส์ Ultrawide 13 ล้านพิกเซล ขณะที่กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultrawide มุมมองรับภาพ 90 องศา

สำหรับรุ่น ROG Phone 9 ใช้กล้องหลังตัวหลัก Sony IMX890 50 ล้านพิกเซล มีกันสั่น Hybrid Gimbal Stabilizer 3.0 ทำงานกับเลนส์ Macro 5 ล้านพิกเซล กับเลนส์ Ultrawide 13 ล้านพิกเซล และมีกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultrawide มุมมองรับภาพ 90 องศา

ในรุ่นนี้มีฟีเจอร์เพื่อรองรับการยกมือถือขึ้นมาถ่ายแบบไวๆ อย่าง AirTrigger Capture ที่จะเปลี่ยนปุ่ม AirTrigger ให้เป็นปุ่มชัตเตอร์ของกล้อง
8. ครบเครื่องทุกการใช้งาน
ROG Phone 9 Series มาพร้อมกับคุณสมบัติการกันฝุ่น สิ่งสกปรก และทราย และสามารถแช่อยู่ในน้ำลึกถึง 1.5 เมตร ด้วยอุณหภูมิและความดันปกติเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ตามมาตรฐาน IP68

ตัวแบตเตอรี่มีชาร์จไว HyperCharge 65W และรองรับชาร์จไร้สาย Qi 15W โดยที่รุ่น FE มีแบตเตอรี่ขนาด 5,500mAh ส่วนรุ่น Pro แบตเตอรี่ขนาด 5,800mAh






9. ราคาดี มีโปรจาก AIS
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับโปรโมชันพิเศษ ROG Phone 9 Early Bird Promotion ระหว่างวันที่ 30 ม.ค. 68 – 2 มี.ค. 68 และโปรโมชันพิเศษสำหรับงาน Thailand Mobile Expo 2025 ลดสูงสุด 8,400 บาท พร้อมของแถมมูลค่ารวมกว่า 7,760 บาท โดยมีเข้ามา 3 รุ่น ROG Phone 9 FE ราคา 29,990 บาท, ROG Phone 9 ราคา 39,990 บาท และ ROG Phone 9 Pro Edition ราคา 49,990 บาท


ROG Phone 9 Series เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยในงาน Thailand Mobile Expo โดยจะวางขายผ่าน AIS, ASUS Online Store, ASUS Official Store บน Lazada และ Shopee, และตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ
Asus เตรียมเปิดตัว ROG Phone 9 FE รุ่นประหยัด
ASUS ROG Phone 9 และ ROG Phone 9 Pro ผ่านการรับรอง กสทช. แล้ว