มาแล้ว! Redmi Note 13 Pro 5G สมาชิกใหม่รุ่นสุดท้ายของ Redmi Note 13 Series ที่พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในไทย หลังจากที่ Xiaomi ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้จำนวน 3 รุ่น ได้แก่ Redmi Note 13 Pro+ 5G, Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13

และถ้าพูดถึงมือถือตระกูล Redmi Note Series ของ Xiaomi ต้องยอมรับเลยว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ได้รับความนิยมและขายดีที่สุดของแบรนด์เลยก็ว่าได้ ด้วยจุดแข็งของการเป็นมือถือระดับกลางที่มาพร้อมประสิทธิภาพสุดครบครันจัดเต็มคุ้มราคา

โดยสำหรับ Redmi Note 13 Pro+ 5G, Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 ทั้ง 3 รุ่นก่อนหน้านี้ทาง mxphone ก็ได้รีวิวให้ได้ดูกันไปแล้ว และคราวนี้ก็จะมาถึงคิวของ Redmi Note 13 Pro 5Gที่เป็นรุ่นรองท็อปของตระกูล ซึ่งก็ได้มาอยู่ในมือของทีมงาน mxphone เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

ถ้าอยากรู้ว่า Redmi Note 13 Pro 5G เครื่องนี้จะมีอะไรเด็ด ๆ บ้าง ก็ตามมาดูกันในรีวิวนี้กับเราได้เลยครับ

แกะกล่อง

Redmi Note 13 Pro 5G มาในกล่องสีขาวที่มีรูปภาพและชื่อรุ่นระบุไว้บนตัวกล่องอย่างชัดเจน สไตล์เดียวกันกับ Redmi Note Series รุ่นอื่น ๆ ที่ผ่านมา

ภายในกล่องก็จะพบกับตัวเครื่องพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งประกอบด้วย หัวชาร์จ 67W / สายชาร์จ USB-C / เคส / ฟิล์มกันรอย (ติดมากับตัวเครื่อง) / อุปกรณ์ถอดถาดซิม / คู่มือการใช้งานและใบรับประกัน

ดีไซน์

Redmi Note 13 Pro 5G นั้นจะมีดีไซน์ที่คล้ายกันกับ Redmi Note 13 5G เน้นความสวยงามเรียบง่าย ซึ่งจะมี 3 สีให้เลือก คือ สีดำ (Midnight Black), สีฟ้า (Ocean Teal) และ สีม่วง (Aurora Purple) โดยเครื่องที่อยู่ในรีวิวของเรานี้ก็จะเป็นสีฟ้า (Ocean Teal)

สำหรับฝาหลังของ Redmi Note 13 Pro 5G จะเป็นแบบเรียบแบนพื้นผิวกึ่งด้าน มีกล้องหลังจำนวน 3 ตัว ซึ่งเป็นกล้องหลัก 200MP ร่วมกับกล้อง Ultrawide 8MP และกล้อง Macro 2MP จัดวางอยู่ในกรอบวงแหวนขนาดใหญ่ 2 วง และวงเล็กอีก 1 วง พร้อมด้วยไฟแฟลช LED วางบนฐานกรอบทรงสี่เหลี่ยมสีเดียวกันกับตัวเครื่อง

Redmi Note 13 Pro 5G จะมีหน้าจอแบบเรียบ โดยเป็นจอ CrystalRes AMOLED ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712×1220 พิกเซล) รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz ความสว่างสูงสุด 1800 nits รองรับช่วงสีกว้าง DCI-P3 รองรับ Dolby Vision และคลุมด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus

บริเวณตรงกลางด้านบนของหน้าจอจะเจาะรูกล้องหน้า 16MP พร้อมด้วยลำโพงสำหรับสนทนาที่อยู่แนบชิดติดขอบตัวเครื่อง และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอบริเวณด้านล่างของจอ

นอกจากนี้หน้าจอของ Redmi Note 13 Pro 5G ยังได้รับรองจาก TÜV Rheinland 3 อย่าง ประกอบด้วย การปราศจากการกระพริบ (Flicker Free), แสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) และการเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly)

กรอบตัวเครื่องของ Redmi Note 13 Pro 5G ใช้วัสดุอะลูมิเนียมแข็งแรงทนทาน พร้อมกับขอบเครื่องแบบเรียบ จึงถือจับกระชับเข้ารับกับสรีระของฝ่ามือได้ดี และใช้งานได้สะดวกสบายด้วยมือข้างเดียว โดยขอบด้านขวาจะมีปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง

ขอบด้านซ้ายจะเป็นขอบเรียบไม่มีปุ่มกดใด ๆ

ขอบด้านบนจะมี IR Blaster ไมโครโฟน ลำโพง และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

ขณะที่ขอบด้านล่างจะมีช่องใส่ซิมการ์ด พอร์ต USB-C ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และลำโพงอีกหนึ่งตัว เท่ากับว่ารุ่นนี้มีลำโพงคู่ที่ด้านบนและด้านล่าง

ถาดซิมการ์ดของ Redmi Note 13 Pro 5G จะเป็นแบบ Dual SIM จึงไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำเสริม microSD ได้

ประสิทธิภาพและการใช้งาน

Redmi Note 13 Pro 5G นั้นจะรันด้วย Xiaomi HyperOS ที่อยู่บน Android 14 ไม่ใช่ MIUI เหมือนมือถือของ Xiaomi หลาย ๆ รุ่นที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งหน้าตา UI ก็จะเน้นความเรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ อีกทั้งยังมีลูกเล่นและฟีเจอร์ใหม่ ๆ

ด้านขุมพลังภายในของรุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2 แบบ Octa-Core ความเร็วสูงสุด 2.4 GHz ให้ประสิทธิภาพในการใช้งานที่รวดเร็ว พร้อมทั้งหน่วยความจำ RAM 12GB + Storage 512GB (LPDDR4X + UFS 2.2)

หน้าจอของ Redmi Note 13 Pro 5G สามารถปรับอัตรารีเฟรชเรทให้เหมาะสมกับเนื้อหาในการใช้งานได้โดยอัตโนมัติสูงสุดที่ 120Hz ที่สำคัญการใช้งานเครือข่ายของรุ่นนี้ยังรองรับแบบ eSIM อีกด้วย

และด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว พร้อมด้วยลำโพงคู่ จึงทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้เต็มอรรถรส ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ภาพสวยคมชัด ลำโพงดังใช้ได้

เรื่องของสเปกตัวเครื่องที่ให้มาก็นับได้ว่าแรงเหลือเฟือแล้วสำหรับการใช้งานต่าง ๆ เท่าที่มือถือระดับกลางในยุคนี้จะทำได้

ลองทดสอบการเล่นเกมต่าง ๆ หลากหลายแนวก็เล่นได้แบบสบาย ๆ และยังมีฟีเจอร์ Game Turbo ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สนุกไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถตั้งค่าต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม รวมทั้งการจัดการที่ช่วยให้ไม่ถูกขัดจังหวะจากการแจ้งเตือน หรือสายโทรเข้า เป็นต้น

Redmi Note 13 Pro 5G มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้แบบเหลือ ๆ เพียงพอตลอดวันด้วยความจุถึง 5100mAh ใช้แบตฯ จนหมดก็ไม่ต้องกังวล เพราะรุ่นนี้มาพร้อมรองรับการชาร์จเร็ว 67W ที่มีหัวชาร์จ 67W แถมมาให้แล้วในกล่อง ซึ่งสามารถชาร์จแบตฯ เต็ม 100% ภายในเวลา 44 นาทีเท่านั้น

ส่องกล้อง

มาถึงตรงนี้ก็จะเป็นในเรื่องของการถ่ายภาพที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์เด็ดเหมือนกันของ Redmi Note 13 Pro 5G

กล้องหลังของ Redmi Note 13 Pro 5G จะเหมือนกันกับ Redmi Note 13 Pro+ 5G ที่ประกอบด้วย

• กล้องหลัก 200MP, f/1.65, 16-in-1 Binning to 2.24µm, 1/1.4” Sensor Size, 7P Lens, OIS
• กล้อง Ultrawide 8MP, f/2.2, มุมมองกว้าง 119°
• กล้อง Macro 2MP, f/2.4

กล้องหลัง รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 3840×2160 @30fps, 1080p 1920×1080 @30/60fps, 720p 1280×720 @30fps, Slow motion: 1080p 1920×1080 @120fps และ Slow motion: 720p 1280×720 @120/240fps

ส่วนกล้องหน้า รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p 1920×1080 @30/60fps และ 720p 1280×720 @30fps

ขณะที่คุณสมบัติในการถ่ายภาพก็มีมาครบ ซึ่งก็จัดมาให้แบบแน่น ๆ ตามสไตล์ของ Xiaomi ไม่ว่าจะเป็น โหมดอัตโนมัติ โหมดโปร โหมดภาพบุคคล โหมดกลางคืน โหมดวิดีโอ โหมด 200MP โหมดสโลโมชั่น โหมดพาโนรามา โหมดมาโคร โหมดหนังสั้น และอื่น ๆ

ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้งานได้ง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก ส่วนเรื่องความสวยของภาพก็นับว่าทำได้ดีมาก ๆ ถ่ายจบหลังกล้องโดยแทบไม่ต้องแต่งเพิ่มเลย

นอกจากนี้ตัว AI ของกล้องก็รู้สึกว่ามาช่วยเพิ่มความสามารถให้กล้องทำงานได้อย่างฉลาดมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย จะถ่ายย้อนแสง ถ่ายที่แสงน้อย ถ่ายกลางคืน ถ่ายบุคคล หรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่ใช้โหมดการถ่ายแบบอัตโนมัติยังออกมาสวยโดยแทบไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม รวม ๆ แล้วค่อนข้างประทับใจกับเรื่องกล้องถ่ายภาพของรุ่นนี้มาก ๆ ครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Redmi Note 13 Pro 5G

ข้อมูลสเปก Redmi Note 13 Pro 5G

• ขนาดตัวเครื่อง 161.15 × 72.24 × 7.98 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก 187 กรัม
• หน้าจอ CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712×1220 พิกเซล) รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz ความสว่างสูงสุด 1800 nits รองรับช่วงสีกว้าง DCI-P3 รองรับ Dolby Vision กระจก Corning Gorilla Glass Victus
• ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2 แบบ Octa-Core ความเร็วสูงสุด 2.4 GHz
• RAM 12GB + Storage 512GB (LPDDR4X + UFS 2.2)
• กล้องหน้า 16MP, f/2.4
• กล้องหลัง 3 ตัว
  – กล้องหลัก 200MP, f/1.65, 16-in-1 Binning to 2.24µm, 1/1.4” Sensor Size, 7P Lens, OIS
  – กล้อง Ultrawide 8MP, f/2.2, มุมมองกว้าง 119°
  – กล้อง Macro 2MP, f/2.4
• ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS บน Android 14
• แบตเตอรี่ 5100mAh, ชาร์จเร็ว 67W
• การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi ac (2.4GHz/5GHz), Bluetooth 5.2, NFC, USB-C
• สี ดำ (Midnight Black), ฟ้า (Ocean Teal) / ม่วง (Aurora Purple)

สรุป

โดยสรุปแล้ว Redmi Note 13 Pro 5G รุ่นนี้ก็คาดว่าน่าจะได้รับความนิยมเหมือนกันกับ Redmi Note Series รุ่นที่ผ่าน ๆ มาอย่างแน่นอน ด้วยตัวสเปกที่ค่อนข้างจัดหนักจัดเต็มสวนทางกับราคาค่าตัวที่ไม่แพงจนเกินไป

ซึ่ง Redmi Note 13 Pro 5G ก็เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังมองหามือถือระดับกลางที่มาพร้อมประสิทธิภาพสุดครบครันในงบหมื่นนิด ๆ เท่านั้น

ราคา และช่องทางจำหน่าย

Redmi Note 13 Pro 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Ocean Teal และ Aurora Purple ในรุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 12,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม