รีวิว Redmi Note 11 มือถือระดับกลางน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยไปแบบสดๆ ร้อนๆ มากับชิปรุ่นใหม่ Snapdragon 680, จอลื่น 90Hz และมีกล้อง 50MP
Xiaomi เปิดตัว Redmi Note 11 และ Note 11S รุ่นกลางสเปคคุ้ม เคาะราคาไทยเริ่มต้น 6,299 บาท
สารบัญ
สเปค Redmi Note 11
- ขนาดเครื่อง 159.87 x 73.87 x 8.09มม. หนัก 179 กรัม
- หน้าจอ AMOLED DotDisplay FHD+ 6.43 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz มี Touch Sampling Rate 180Hz
- กล้องหน้า 13MP, F/2.4
- กล้องหลัง AI Quad rear camera
- Main 50MP, F/1.8
- Ultra-wide 8MP, F/2.2, มุมมองรับภาพ 118 องศา
- Macro 2MP, F/2.4
- Depth 2MP, F/2.4
- ชิป Qualcomm Snapdragon 680 ประมวลผล Octa-core 2.4GHz ใช้ GPU Adreno 610
- ความจำ LPDDR4X RAM+ROM UFS 2.2 (4GB+64GB / 4GB+128G / 6GB+128GB)
- รองรับหน่วยความจำเสริม microSD Card 1TB
- รองรับการทำงาน dual-SIM (Triple SIM Slot) สนับสนุนเครือข่าย
- 2G: GSM : 850, 900, 1800, 1900MHz
- 3G: WCDMA : 1/2/4/5/8
- 4G: LTE FDD : 1/2/3/4/5/7/8/20/28
- 4G: LTE TDD : 38/40/41 (B41 2535-2655MHz)
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, IR Blaster
- ระบบรักษาความปลอดภัย Side fingerprint sensor และ AI Face Unlock
- รัน MIUI 13 บนพื้นฐาน Android 11
- แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับ Pro Fast charging 33W
- สีที่วางจำหน่าย Graphite Gray / Twilight Blue / Star Blue
แกะกล่อง
แพ็คเกจของมือถือรุ่นนี้เป็นแบบมาตรฐานหน้ากล่องมีภาพเครื่องพร้อมชื่อรุ่นชัดเจน สำหรับอุปกรณ์ในกล่องใส่มาครบทั้งเครื่อง Redmi Note 11, อะแดปเตอร์ที่รองรับชาร์จไว 33W, สาย USB Type-C, เข็มจิ้มถาดซิม, เคส และ คู่มือการใช้งานเบื้องต้น+ใบรับประกันสินค้า
ดีไซน์
Redmi Note 11 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ทันสมัย ฟีลลิ่งการสัมผัสดี ขนาดเครื่องแม้จะยัดแบตมา 5000mAh แต่ก็บางเหมาะแก่การพกพาด้วยสัดส่วน 159.87 x 73.87 x 8.09 มม. หนักแค่ 179 กรัม ฝาหลังเป็นพลาสติกตัวเครื่องมีขาย 3 สี โดยสีเครื่องที่เราได้มาเป็น เทาเข้มแบบด้าน (Graphite Gray) ซึ่งข้อดีคือปกปิดรอยนิ้วมือได้ดี ส่วนอีกสองสีที่มีจำหน่ายคือ Twilight Blue กับ Star Blue และรุ่นนี้รองรับมาตรฐานป้องกันละอองน้ำ IP53
หน้าจอมือถือรุ่นนี้ดีไซน์แบบ DotDisplay เจาะรูใส่กล้องหน้าตรงกลาง พาแนลจอเป็น AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.43 นิ้ว คลุมทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ด้วยจอมีคุณสมบัติ DCI-P3 Wide Color Gamut ที่ให้ภาพและสีคมชัด พร้อมด้วยค่าความสว่างหน้าจอที่มากถึง 1000nit
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่น่าสนใจของจอคือมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz พร้อมด้วย Touch Sampling Rate 180Hz แสดงผลได้ลื่นๆ พร้อมทัชติดนิ้วเนียนตา แถมภายในเครื่องยังมีมอเตอร์สั่น Z-Axis Linear Motor หรือการเคลื่อนไหวแบบสั่นของมอเตอร์ที่เป็นแกน Z ช่วยให้ตอบสนองต่อการใช้งานหรือ Haptic feedback ดีขึ้น
พื้นที่ขอบจอด้านบนมีช่องลำโพงสนทนาบางๆ วางซ่อนอยู่ตรงขอบ ส่วนขอบจอด้านล่างจะหนากว่าเล็กน้อย และมีส่วน Navigation bar แบบสัมผัสตามสไตล์มือถือ Android
ดีไซน์ฝาหลังเป็นแบบเรียบง่ายเกลาขอบโค้งมน พร้อมจัดวางกล้องหลังทั้ง 4 ตัวและแฟลช LED ไว้ในโมดูลทรงสี่เหลี่ยมที่มุมซ้ายบน มุมซ้ายล่างของเครื่องมีโลโก้ Redmi
ขอบเครื่องตัดเรียบพอประมาณแต่ยังคงเกลาเก็บมุมขอบไม่ให้คมสะดุดมือส่วนปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มพาวเวอร์ที่เป็นสแกนลายนิ้วมือในตัวอยู่ทางฝั่งขวา ด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมการ์ดใช้ถาดแบบ Triple SIM Slot (SIM 1 + SIM 2 + MicroSD Card) ขอบเครื่องด้านบนมีลำโพง, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน, ช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. และ IR blaster ส่วนฐานเครื่องด้านล่างมีลำโพง, ไมโครโฟนหลัก และพอร์ต USB-C
การประมวลผล
มือถือ Redmi รุ่นนี้เลือกใช้ชิปเซต Snapdragon 680 จากค่าย Qualcomm ซึ่งเป็นชิปที่ออกมาเมื่อช่วงตุลาคมปี 2021 ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตระดับ ขนาด 6 นาโนเมตร สเปค CPU เป็น Octa-core ประกอบด้วย Cortex-A73 จำนวน 4 แกน และ Cortex-A55 อีก 4 แกน ความเร็วสูงสุด 2.4GHz ตัว GPU Adreno 610 ขณะที่โมเด็มเป็น Snapdragon X11 LTE ที่รองรับแค่ 4G เท่านั้น
สเปคความจำของรุ่นนี้ใช้ LPDDR4X RAM กับ ROM UFS 2.2 ซึ่งขนาดเครื่องรีวิวที่เราได้มาเป็นรุ่นท็อปสุด 6GB+128GB รองรับหน่วยความจำเสริม microSD Card 1TB สำหรับระบบปฏิบัติการใช้ MIUI 13 บนพื้นฐาน Android 11 ใช้งานง่าย มีเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยทั้งสแกนลายนิ้วมือ และการปลดล็อคด้วยใบหน้า
ประสิทธิภาพการเล่นเกมของมือถือรุ่นนี้อยู่ในเกณฑ์กลางๆ โดยที่เราต้องแจ้งก่อนว่าตอนที่เราทดสอบเป็นช่วงที่มือถือรุ่นนี้ยังไม่เปิดตัวทำให้เกมบางตัวยังไม่ได้ถูกอัพเดตระบบให้รองรับกับตัวอุปกรณ์จึงยังตั้งค่าการแสดงผลในระดับสูงในระดับสูงยกตัวอย่างเช่น PUBG Mobile เปิดกราฟฟิกได้สูงสุด Smooth เฟรมเรท High สำหรับ ROV ดันเฟรมเรทสูงสุดที่ 60fps, Call of Duty Mobile เปิดกราฟฟิกได้ Very High เฟรมเรท Medium ส่วน Genshin Impact ที่กินสเปคเครื่องมากที่สุดการตั้งค่าที่แนะนำคือ Low เซ็ตเฟรมเรทที่ 30fps
ส่วนคะแนนการทดสอบ Benchmark ได้ผลลัพท์ดังนี้
- Geekbench 5 : Singlecore = 353 คะแนน / Multicore = 1596 คะแนน
- PC Mark : 7247 คะแนน
สำหรับแบตเตอรี่เห็นเครื่องบางๆ แบบนี้แต่ก็ใส่มาให้จุใจ 5,000mAh และรองรับ 33W Pro Fast charging ที่สามารถชาร์จไฟได้จาก 0 ถึง 100% ได้ภายในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
การถ่ายภาพ
เรื่องการถ่ายภาพ Redmi Note 11 ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้วยกล้อง AI Quad rear camera ประกอบด้วยกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล (F/1.8) ทำงานกับกล้อง Ultrawide มุมมองรับภาพ 118 องศา 8 ล้านพิกเซล (F/2.2), กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) และ กล้อง Depth 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) นอกจากนี้ Redmi Note 11 ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าขนาด 13 ล้านพิกเซล (F/2.4)
สำหรับหน้าตา UI ของแอปกล้องก็เป็นแบบมาตรฐานใช้การปัด ซ้าย-ขวา เพื่อเข้าโหมดต่างๆ ซึ่งมือถือรุ่นนี้มีระบบ AI ช่วยปรับแต่งภาพตามซีนที่ถ่าย มีโหมดให้เล่นทั้ง Night mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืน, Short Video โหมดถ่ายวีดีโอสั้นๆ ที่มีลูกเล่นทั้ง การถ่ายแบบภาพสะท้อน Kaleidoscope หรือถ่ายแบบมีเพลงประกอบแบบ VLOG ส่วนใครชอบถ่ายภาพบุคคลหรือถ่ายด้วยกล้องหน้ารุ่นนี้ก็มีโหมด AI Face Beauty มาช่วยปรับแต่งให้ออกมาสวย
ภาพตัวอย่างจากกล้อง
สรุป+ราคา
ทั้งหมดนี้ก็คือ รีวิว Redmi Note 11 สมาร์ทโฟนขุมพลัง Snapdragon 680 ที่มีแบตก้อนโต 5000mAh จอ 90Hz และกล้อง AI ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล นับว่าเป็นมือถือที่มีความคุ้มค่าให้สเปคมาครบเครื่องแต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ได้รองรับ 5G
สำหรับราคารุ่น RAM 4GB+ ROM 128GB ราคา 6,299 บาท ขณะที่รุ่น RAM 6GB+ ROM 128GB ราคา 6,999 บาท เริ่มวางจำหน่าย 5 กุมภาพันธ์นี้