รีวิว Redmi 14C สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ผสานดีไซน์ล้ำสมัยและจอภาพขนาดใหญ่ ในราคาที่จับต้องได้โดยเริ่มต้นแค่เพียง 3,699 บาท ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหา มือถือราคาประหยัด ได้อย่างแท้จริง
สเปก Redmi 14C
- ขนาดเครื่อง 171.9 x 77.8 x 8.2 มม.
- น้ำหนักเครื่อง Midnight Black, Dreamy Purple: 211 กรัม / Starry Blue: 204 กรัม / Sage Green: 207 กรัม
- หน้าจอ Dot Drop IPS LCD 6.88 นิ้ว (720 x 1640 px), รีเฟรชเรท 120Hz, Touch sampling rate 240Hz, ความสว่างสูงสุดแบบทั่วไป 450 nits (600 nits HBM)
- กล้องหลัง 2 เลนส์
- Wide 50MP, f/1.8, 28mm, PDAF
- Depth 2MP, f/2.4,
- กล้องหน้า 13MP, f/2.0
- ชิปประมวลผล Mediatek Helio G81-Ultra
- CPU : Octa-core (2×2.0 GHz Cortex-A75 & 6×1.8 GHz Cortex-A55)
- GPU : Mali-G52 MC2
- หน่วยความจำ LPDDR4X RAM + ROM eMMC 5.1 (6GB + 128GB / 8GB + 256GB)
- รองรับ microSD Card สูงสุด 16GB
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz, Bluetooth 5.4 รองรับ AAC / SBC / LDAC
- เทคโนโลยีระบุพิกัด GPS, GLONASS, GALILEO, BDS
- เซ็นเซอร์ สแกนลายนิ้วมือ (ปุ่มด้านข้างเครื่อง), Accelerometer, Compass Virtual proximity sensing
- ระบบปฏิบัติการ Android 14 (HyperOS)
- แบตเตอรี่ 5160mAh รองรับการชาร์จเร็ว 18W
- สีที่วางจำหน่าย Midnight Black / Dreamy Purple / Starry Blue
แกะกล่อง + ดีไซน์ Redmi 14C
Redmi 14C มากับแพ็คเกจแบบมาตรฐานตัดด้วย สีขาว-แดง มีชื่อรุ่น รูปเครื่อง และสเปกแบบคราวๆ บนหน้ากล่องอย่างชัดเจน ขณะที่อุปกรณ์ภายในก็ให้มาครบทั้ง สาย USB-C, อะแดปเตอร์ชาร์จไว 33W, เคสใส, คู่มือการใช้งาน และเข็มถอดถาดซิมการ์ด
ถึงจะเป็น มือถือราคาประหยัด แต่ดีไซน์ Redmi 14C ก็จัดว่าหรูหราด้วยสีเครื่องที่มีให้เลือกถึง 3 สี แล้วแต่ละสีก็จะมีรายละเอียดรูปแบบฝาหลังที่แตกต่างกัน ซึ่งสีเครื่องที่เราได้มาเป็นสี Dreamy Purple ซึ่งเป็นเฉดสีม่วงอ่อนเบาๆ มีกลิตเตอร์เป็นประกายบางๆ เล่นกับแสงสะท้อน
สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีการออกแบบให้มีเลี่ยมมน โดยที่ส่วนกรอบเครื่องจะเป็นวัสดุพลาสติกตัดแบนราบ แล้วเกลาส่วนขอบให้โค้งมนจับถือได้ถนัดซึ่งฝาหลังใช้วัสดุกระจก ขณะที่ด้านหน้าคลุมทับด้วย Corning Gorilla Glass และเครื่องก็บาง 8.22 มม. หนักแค่ 211 กรัม เท่านั้น
หน้าจอดีไซน์แบบ Dot Drop มีรอยบากทรงหยดน้ำสำหรับกล้องหน้า ด้านหลังมีพื้นที่กล้องหลังทรงกลมขนาดใหญ่ เป็นระบบกล้องหลังคู่ พร้อมแฟลช LED และโลโก้ 50MP AI Camera
ขอบเครื่องด้านซ้ายมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มพาวเวอร์ที่เป็นสแกนลายนิ้วมือในตัว
ด้านบนมีช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากกับสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่น ในปัจจุบัน ขณะที่ฐานเครื่องมีพอร์ต USB Type-C, ไมโครโฟนสนทนา และช่องลำโพงหลัก
สเปก หน้าจอของรุ่นนี้เป็น IPS LCD ขนาด 6.88 นิ้ว IPS LCD จอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.88 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1640 พิกเซล รองรับการแสดงผลสีได้ 16.7 ล้านสี เรียกว่าเป็นรุ่นที่มีจอใหญ่ที่สุดในซีรีส์ Redmi โดยรองรับการแสดงผลได้ลื่นไหลด้วยรีเฟรชเรท 120Hz (ปรับได้ระหว่าง 60Hz กับ 120Hz) นอกจากนี้ ยังมีค่า Touch sampling rate สูงถึง 240Hz ช่วยให้การใช้งานตอบสนองไว แม้แต่การสู้แสงกลางแจ้งก็ทำได้ดีด้วยความสว่างสูงสุดทั่วไป 450 nits (สูงสุด 600 nits ในโหมด HBM)
หน้าจอได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ว่ามีแสงสีฟ้าต่ำ (Software Solution) และใช้เทคโนโลยี DC dimming ช่วยลดการกะพริบของจอ สบายตาแม้ใช้งานนานๆ
ประสิทธิภาพและการใช้งาน
ด้านประสิทธิภาพ Redmi 14C รันด้วย Xiaomi HyperOS บนพื้นฐาน Android 14 ซึ่งหน้าตา UI ก็จะเน้นความเรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ใครที่ใช้ Android อยู่แล้วก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอะไรให้ต้องปรับตัว
ด้านขุมพลังภายในใช้ชิปเซ็ต Mediatek Helio G81-Ultra สถาปัตยกรรม 12nm ที่มีการประมวลผล Octa-core โดยเป็นคอร์ Cortex-A75+Cortex-A55 ความเร็ว 2.0GHz มี GPU Mali-G52 MC2 ด้านหน่วยความจำใช้ LPDDR4X RAM + ROM eMMC 5.1 มีให้เลือกระหว่าง 6GB + 128GB กับ 8GB + 256GB โดยที่รองรับหน่วยความจำเสริม microSD Card สูงสุด 16GB
ส่วนแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ 5160mAh รองรับชาร์จไว 18W ซึ่งอาจจะเป็นสเปกชาร์จที่ไม่ได้ไวมากเมื่อเทียบกับมือถือที่ขายกันในตอนนี้ แต่จากสเปกแบตเตอรี่ก็เรียกว่าเหลือๆ มากพอจะใช้งานได้ทั้งวัน
เมื่อเอามาทดสอบเล่นเกมก็ถือว่ายังพอถูไถไปได้ตามราคาไม่ว่าจะเป็น ROV ก็ปรับ FPS ได้สูงสุด ขณะที่ PUBG Mobile รองรับความละเอียดภาพ HD กับเฟรมเรทสูง ส่วน Call of Duty Mobile ได้ความละเอียดภาพในระดับกลาง และเฟรมเรทสูง สำหรับเกมกินสเปค Genshin Impact พรีเซ็ตการตั้งค่าที่แนะนำคือ ต่ำสุด
ทางด้านคะแนนการประมวลผล Benchmark อย่าง Geekbench 6 ในส่วน Single-core ทำได้ 409 คะแนน และ Multi-core 1205 คะแนน ขณะที่ PC Mark Work 3.0 ได้ 8,661 คะแนน ถือว่ารองรับการใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี
การถ่ายภาพ
Redmi 14C ใช้สเปกกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ขณะที่กล้องหลังเป็นเลนส์คู่ ประกอบด้วยกล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ระยะเลนส์ 28mm พร้อมโฟกัส PDAF มี Xiaomi Imaging Engine เข้ามาช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพและความไวในการประมวลผลภาพ พร้อมทำงานร่วมกับกล้อง Depth 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ส่วนการบันทึกวีดีโอด้วยกล้องหลังรองรับสูงสุด 1080P (1920×1080) ที่ 30fps ขณะที่กล้องหน้า HD 1080p (1920×1080) ที่ 30 fps
โหมดการถ่ายภาพของ Redmi 14C ก็มีให้ครบตามมาตรฐาน แต่ที่พิเศษคือรุ่นนี้มีการเพิ่มลูกเล่นฟิลเตอร์กล้องฟิลม์ และ Pro LUT ให้กับโหมดถ่ายวีดีโอ ขณะที่กล้องหน้าก็มีโหมด Beauty ใหม่ ที่ไม่เพียงแค่ปรับความเนียนของภาพเท่านั้น แต่ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ อย่างโทนสี การปรับหน้าเรียว และเอฟเฟกต์บิ๊กอายส์ รวมถึงรองรับการถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมดกลางคืน ขณะที่แฟลชหน้าจอดีไซน์วงไฟเป็นแบบซอฟต์ไลต์ยกระดับภาพเซลฟี่ให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
สรุป + ราคา
ภาพรวม Redmi 14C นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนจอใหญ่ ดีไซน์สวย ในราคาประหยัด คุ้มค่ากับฟีเจอร์ที่ครบครัน โดยมีข้อสังเกตสำหรับการพิจารณาตรงที่ว่ามือถือรุ่นนี้รองรับแค่ 4G เท่านั้น
Redmi 14C วางจำหน่ายในไทยแล้ววันนี้ โดย เสียวหมี่ ประเทศไทย นำเข้ามา 2 รุ่นความจุ ได้แก่ 6GB+128GB6 ในราคา 3,699 บาท และ 8GB+256GB6 ในราคา 4,499 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
ขายแล้วในไทย! Redmi 14C มือถืองบประหยัดรุ่นใหม่ เริ่มต้น 3,699 บาท และแท็บเล็ต Redmi Pad SE 8.7 4G เริ่มต้น 4,999 บาท
รีวิว Xiaomi 14T Series คู่หูกล้อง Leica ตัวคุ้ม สเปกแน่นเหมือนเดิม แถมเพิ่ม AI จัดเต็ม
รีวิว Xiaomi Smart Band 9 สมาร์ทแบนด์ราคาเบา ฟีเจอร์แน่นเกินตัว