สมัครแพ็กเกจ
เริ่มต้นใช้งาน
เมนูการใช้งาน
คอนเทนต์ หนัง/ซีรีส์
ภาพ/เสียง/คำบรรยาย
ฟังก์ชันอื่น ๆ
สรุป
เรียกได้ว่าสิ้นสุดการรอคอยกันเสียที สำหรับพวกเราชาวไทยที่ตอนนี้ก็ได้รับชม Disney+ Hotstar กันเป็นที่เรียบร้อย และหลาย ๆ คนก็น่าจะเข้าไปลองเล่นหรือรับชมหนังหรือซีรีส์ที่ชื่นชอบกันมาบ้างแล้ว
โดยเฉพาะเหล่าแฟนตัวยงของ Disney, Marvel, Star Wars, Pixar, National Geographic, FX, 20th Century Studios ฯลฯ เชื่อว่าคงไม่มีใครพลาดที่จะสมัครแพ็กเกจกันไปแล้ว กับราคาที่เปิดมาแบบถูกมาก 799 บาท/ปี หรือใครที่มีเบอร์ AIS ก็ยิ่งได้ราคาถูกลงไปอีก เหลือเพียง 49 บาท/เดือน และ 499 บาท/ปี เท่านั้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง mxphone ก็ได้แนะนำบทความเกี่ยวกับ ทุกเรื่องที่อยากรู้? กับ Disney+ Hotstar ที่เป็นการรวบรวมคำถามหรือข้อสงสัยต่าง ๆ ที่หลายคนอาจจะอยากรู้เกี่ยวกับ Disney+ Hotstar ให้ได้ทราบกันไปแล้ว
ทุกเรื่องที่อยากรู้? กับ Disney+ Hotstar ในราคาสุดถูกเพียง 35 บาท/เดือนกับ AIS
และในเมื่อ Disney+ Hotstar เริ่มสตรีมแล้วอย่างเป็นทางการ คราวนี้เราก็จะมารีวิวการใช้งานจริงให้ได้ดูกันว่าจะสมกับที่คอยหรือไม่ ภาพ/เสียง/ซับเป็นยังไง มีหนังหรือซีรีส์อะไรน่าสนใจบ้าง ลองมาดูกันครับ
สมัครแพ็กเกจ
ก่อนที่เราจะเข้าใช้งานได้ แน่นอนว่าเราต้องมีการสมัครแพ็กเกจกันก่อนครับ โดยมี 2 วิธี คือ
- สมัครผ่าน Disney+ Hotstar โดยตรง ราคา 799 บาท/ปี >> สมัคร คลิก
- สมัครผ่าน AIS ทั้งรายเดือนและเติมเงิน (วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2564)
– ราคา 49 บาท/เดือน (จากราคาปกติ 99 บาท/เดือน) นาน 12 เดือน พร้อมรับสิทธิ์ดูเพิ่มไม่มีค่าใช้จ่ายในเดือนที่ 2 >> สมัคร คลิก
– ราคา 499 บาท/ปี (จากราคาปกติ 799 บาท/ปี) >> สมัคร คลิก
หากได้รับ SMS ยืนยันการสมัคร เป็นอันว่าเราสมัครแพ็กเกจเสร็จเรียบร้อยครับ
เริ่มต้นใช้งาน
Disney+ Hotstar สามารถรับชมได้ผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งแอปพลิเคชันบนระบบ iOS และ Android รวมทั้งเว็บไซต์ https://www.hotstar.com/th
โดยอุปกรณ์ที่รองรับ ประกอบด้วย
- โทรศัพท์มือถือ / แท็บเล็ต
– iOS เวอร์ชัน 10 ขึ้นไป
– Android เวอร์ชัน 4.4 ขึ้นไป
– iPadOS เวอร์ชัน 10 ขึ้นไป
– Mobile web
- คอมพิวเตอร์ / แล็บท็อป
– Google Chrome เวอร์ชัน 75 ขึ้นไป
– Mozilla Firefox เวอร์ชัน 70 ขึ้นไป
– Microsoft Edge เวอร์ชัน 79 ขึ้นไป
– Safari เวอร์ชัน 11 ขึ้นไป
- อุปกรณ์อื่น ๆ
– กล่อง AIS PLAYBOX, TrueID TV, 3BB GIGATV
– Android TVs with TV OS 7.0 ขึ้นไป
– Apple tvOS เวอร์ชัน 11 ขึ้นไป (Gen 4 เป็นต้นไป)
– Android Box
– Chromecast (Gen 2 เป็นต้นไป, Firmware 1.43 ขึ้นไป)
หลังจากที่เราดาวน์โหลดและติดตั้งแอปฯ Disney+ Hotstar หรือเข้าเว็บไซต์ https://www.hotstar.com/th มาแล้ว ก็ให้เข้าสู่บัญชีด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่เราใช้สมัคร โดยรหัสผ่านจะมาในรูปแบบของ OTP 4 หลักที่ส่งมาทาง SMS จากนั้นก็รับชมความบันเทิงต่าง ๆ ได้เลย
เมนูการใช้งาน
หน้าตาเมนูในแอปฯ ของทั้งระบบ iOS และ Android จะเหมือนกันทุกอย่าง ใช้งานง่ายมาก จัดเมนูและแบ่งหมวดหมู่ต่าง ๆ ไม่ซับซ้อน
โดยเมนูหลักที่อยู่ด้านล่าง จะมีแค่ 5 เมนู ประกอบด้วย
- หน้าหลัก
- ซีรีส์
- Disney+
- ภาพยนตร์
- เอเชีย
ซึ่งในแต่ละเมนูหลักก็จะแบ่งหมวดหมู่ย่อย ให้เราเลือกดูได้ตามความชอบเลยครับ หรือถ้าหาสิ่งที่อยากดูไม่เจอก็กดที่เมนูแว่นขยายเพื่อค้นหาได้เลย
ส่วนเมนูเกี่ยวกับบัญชีที่เป็นแถบสามขีดบริเวณมุมบนซ้าย ก็ให้เราสามารถกดเข้าไปตั้งค่าบัญชีของเรา หรือใช้ออกจากระบบ รวมทั้งตั้งค่าการดาวน์โหลดไว้ดูแบบออฟไลน์ รายการที่เราบันทึกไว้ดูทีหลัง ตลอดจนเมนูช่วยเหลือเบื้องต้นหากมีปัญหาในการใช้งาน
ที่สำคัญ ยังสามารถปรับเป็นโหมดสำหรับแสดงแต่เนื้อหาที่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ เท่านั้นได้ด้วย
ขณะที่หน้าตาเมนูในเวอร์ชันเว็บไซต์ https://www.hotstar.com/th โดยรวมก็คล้ายกับในแอปฯ แต่จะย้ายเมนูหลักไปไว้ที่แถบด้านบนแทน
คอนเทนต์ หนัง/ซีรีส์
Disney+ Hotstar มีคอนเทนต์ให้ดูเยอะมาก แม้ว่าหลาย ๆ เรื่องเราอาจจะเคยดูกันไปบ้างแล้ว แต่เขาบอกว่ามีภาพยนตร์กว่า 700 เรื่อง และซีรีย์ยอดฮิตกว่า 14,000 ตอน ทั้งจากต่างประเทศและของไทย ซึ่งแน่นอนว่าล้วนมาจากค่ายดัง ทั้ง Disney, Marvel, Star Wars, Pixar, National Geographic, FX, 20th Century Studios ฯลฯ
รวมไปถึงคอนเทนต์สุดพิเศษอย่าง Loki, The Mandalorian, WandaVision และ The Falcon and The Winter Soldier และยังมีภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ อาทิ Avengers: Endgame, Luca, Ford v Ferrari, Terminator: Dark Fate, แฟรนไชส์ the Maze Runner, Frozen 2 และอื่น ๆ อีกเพียบ เอาเป็นว่าได้ดูกันไปยาว ๆ แน่นอน
ภาพ/เสียง/คำบรรยาย
Disney+ Hotstar สามารถเลือกคุณภาพของวิดีโอได้ 4 แบบ คือ ความละเอียดปรับแบบอัตโนมัติ ความละเอียดสูง ความละเอียดปานกลาง และความละเอียดต่ำ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่รองรับความคมชัด Full HD (1080p) และสูงสุดถึงระดับ Ultra HD 4K (สำหรับวิดีโอที่มีแบบ 4K) ส่วนเสียงและคำบรรยายภาษาไทยส่วนใหญ่ก็รองรับครับ ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะดูไม่รู้เรื่อง
ฟังก์ชันอื่น ๆ
สำหรับใครที่ไม่อยากดูกับจอเล็ก ๆ ก็สามารถรับชมผ่านสมาร์ททีวี หรือกล่อง AIS PLAYBOX, TrueID TV, 3BB GIGATV รวมทั้งกล่อง Android ต่าง ๆ และ Apple TV หรือจะใช้วิธีแคสต์ก็ได้ครับ
สรุป
โดยสรุปแล้ว ส่วนตัวค่อนข้างประทับใจ Disney+ Hotstar เอามาก ๆ เพราะเป็นคนที่ชื่นชอบทั้ง Disney, Marvel, Star Wars, Pixar พวกนี้อยู่แล้ว ซึ่งก็มีให้ได้ดูเยอะเลย ส่วนพวกการใช้งานก็ถือว่าใช้ง่ายและยืดหยุ่นดี รองรับกับหลากหลายอุปกรณ์ จะดูบนทีวีจอใหญ่ที่บ้าน หรือดูเวลาเดินทางด้วยโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต แล็บท็อป ก็สะดวก
และที่สำคัญเลยก็คือเรื่องราคา ที่คุ้มกว่าสตรีมมิ่งเจ้าอื่น ๆ พอสมควร จ่ายเดือนละหลักสิบแต่ได้ดูคอนเทนต์หลักล้าน ซึ่งราคานี้มันถูกจนแทบไม่ต้องคิดอะไรมาก หรือเฉลี่ยแค่วันละ 1-2 บาท และยังไงก็ดีกว่าไปดูพวกของเถื่อนเป็นไหน ๆ
ยังไงก็ขอย้ำอีกทีครับ Disney+ Hotstar สามารถรับชมได้ทั้งแอปพลิเคชันบนระบบ iOS และ Android รวมทั้งเว็บไซต์ https://www.hotstar.com/th
ราคาแพ็กเกจสมัครผ่าน Disney+ Hotstar โดยตรง ราคา 799 บาท/ปี >> สมัคร คลิก
หรือสมัครผ่าน AIS ทั้งรายเดือนและเติมเงิน (วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2564)
- ราคา 49 บาท/เดือน (จากราคาปกติ 99 บาท/เดือน) นาน 12 เดือน พร้อมรับสิทธิ์ดูเพิ่มไม่มีค่าใช้จ่ายในเดือนที่ 2 >> สมัคร คลิก
- ราคา 499 บาท/ปี (จากราคาปกติ 799 บาท/ปี) >> สมัคร คลิก
ขอให้สนุกไปกับหนังและซีรีส์ที่ชื่นชอบกันนะครับ
