3 ขั้นตอนง่ายๆ กับป้องกัน Windows Update บน Windows 11 แบบไม่ทันตั้งตัว

โดย RingRangRung | 3 กันยายน 2567 เมื่อ 17:30 น.
3 ขั้นตอนง่ายๆ กับป้องกัน Windows Update บน Windows 11 แบบไม่ทันตั้งตัว

เชื่อว่าคนที่ใช้งานอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 11 จะต้องเคยประสบปัญหากับการอัพเดตระบบปฏิบัติการ หรือ Windows Update ที่เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย

แต่ที่สำคัญที่สุดคือ Windows มักจะชอบมาอัพเดตอุปกรณ์ในช่วงจังหวะนรก อย่างตอนที่เรากำลังรีบปิดเครื่องเพื่อไปทำธุระต่อ หรือจำเป็นที่จะต้องเปิด PC / โน๊ตบุ๊ค มาจัดการงานที่เร่งด่วน หรือต้องเข้าประชุมออนไลน์ แต่ก็ต้องมาเสียเวลารอให้อุปกรณ์บูทเครื่องเพื่อติดตั้งอัพเดตใหม่ซึ่งก็มักจะใช้เวลามากกว่าตอนเปิดเครื่องแบบปกติ

อีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นคือ Windows Update โดยส่วนใหญ่จะต้องมีการรีสตาร์ทเครื่อง ซึ่งแน่นอนว่ามันก็มีโอกาสที่เราจะพลาดไปกดอนุญาตให้รีสตาร์ททันที โดยลืม Save งานที่กำลังทำค้างอยู่ได้

อย่างไรก็ตามปัญหาเหล่านี้จะหมดไปถ้าเราสามารถเป็นผู้กำหนดช่วงเวลา Windows Update ด้วยตนเองได้ โดยมี 3 ขั้นตอนดังนี้

1. หยุดการอัพเดต Windows ชั่วคราวเป็นเวลา 5 สัปดาห์

ตามปกติแล้ว Microsoft มักจะมีการอัพเดตแพทช์ความปลอดภัยรายเดือนสำหรับอุปกรณ์ Windows ในวันอังคารที่สองของเดือน (Patch Tuesday) ซึ่งตามการตั้งค่าพื้นฐานของระบบ Windows การอัพเดตเหล่านี้มักจะถูกดาวน์โหลดและติดตั้งภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากแพทช์ถูกปล่อยออกมา

ในกรณีนี้ผู้ใช้จะสามารถเข้าไปกำหนดให้พักการอัพเดตไว้ก่อนได้โดยเข้าไปที่ Windows ว่าคุณต้องการรอ ไปที่ Setting > ไปที่หน้า Windows Update > ตรงหัวข้อ Pause updates ให้เลือก Pause for 5 week หรือเลือกน้อยกว่านั้นก็ได้เอาตามที่สะดวก

การตั้งค่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่า Windows จะไม่พยายามดาวน์โหลดและติดตั้งการอัปเดตใด ๆ จนกว่าผู้ใช้จะสั่ง แต่เมื่อครบ 5 สัปดาห์ ตามที่กำหนดไว้ Windows Update จะมีการแจ้งเตือนและทำการติดตั้งการอัปเดตที่มีอยู่ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์

2. ปิดไม่ให้อุปกรณ์รีสตาร์ทเองหลัง Windows Update

ในหน้า Windows Update ของส่วน Setting ถ้าเราคลิกเข้ามาดูในส่วนของ Advanced options จะเห็นส่วนของการตั้งค่าที่ให้เรากำหนดรูปแบบการรีสตาร์ทเครื่องหลังอัพเดตเสร็จสิ้นได้

เริ่มต้นจากออฟชั่น “Get me up to date” ซึ่งส่วนนี้จะเป็นคำสั่งให้เครื่องรีสตาร์ทโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากการอัพเดตเสร็จสิ้น โดยที่ระบบจะมีการแจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนการรีสตาร์ทประมาณ 15 นาที และถ้าเราไม่ต้องการให้เครื่องรีสตาร์ทเองในขณะทำงานก็ให้ “off” ในส่วนนี้ไป

ต่อมาคือออฟชั่น Active hours ที่เป็นการกำหนดชั่วโมงทำงาน ซึ่งแนะนำให้ตั้งชั่วโมงทำงานไว้เพื่อป้องกันการรีสตาร์ทขัดจังหวะ รีบูตโดยไม่คาดคิด หลัง Windows Update โดยที่เราสามารถตั้งได้ทั้งแบบ Manually ที่เป็นการกำหนดเวลาเอง และแบบ Automatically ที่ระบบจะกำหนดช่วงเวลาการใช้งานให้ผู้ใช้เองแบบอัตโนมัติ

3. สร้างการแจ้งเตือนปฏิทินเพื่อรู้รอบการอัพเดตล่วงหน้า

เพื่อป้องกัน Windows Update เกิดขึ้นแบบไม่ตั้งใจ อีกหนึ่งวิธีที่แนะนำคือตั้งแจ้งเตือนบนปฏิทินเพื่อที่จะได้ทราบล่วงหน้าว่าการอัพเดตจะเกิดขึ้นในวันไหน และเราเองจะได้เตรียมความพร้อม หรือหาช่วงเวลาที่สะดวกเพื่อทำการอัพเดตอุปกรณ์

แต่ก่อนอื่นเลยก็ควรที่จะต้องอัพเดตเครื่องให้เป็นระบบปฏิบัติการ Windows เวอร์ชั่นล่าสุดเสียก่อน โดยไปที่ Setting > Windows Update คลิก “Check for updates” และติดตั้งการอัพเดตที่มีอยู่ทั้งหมด จัดการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ แล้วตรวจสอบ Windows Update อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการอัพเดตรอการติดตั้งที่หลงเหลืออยู่

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ใช้วิธี “Pause for 5 week” เพื่อเริ่มจับเวลารอการอัพเดตครั้งต่อไป และหลังจากนี้หน้าที่ของเราก็มีแค่รอแจ้งเตือนและกดอัพเดตในช่วงเวลาที่พร้อม

นอกจาก 3 ขั้นตอนที่กล่าวไปในข้างต้นแล้วก็ยังมีวิธีที่จะปิด Windows Update บน Microsoft Windows 11 แบบถาวรด้วย ซึ่งส่วนตัวไม่ค่อยอยากจะแนะนำสักเท่าไร เพราะถือว่าเป็นความเสี่ยงหากเราปิดแล้วลืมอัพเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวลานานๆ ก็อาจจะทำให้ระบบปฏิบัติการเกิดช่องโหว่และโดนโจมตีทางไซเบอร์ได้ ฉะนั้นแล้วพยายามอัพเดตแพทช์ความปลอดภัยรายเดือนให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดไว้ตลอดจะดีที่สุด

Copilot บน Windows 11 อัพเดตฟีเจอร์ให้ผู้ใช้จัดการมือถือ Android ผ่าน PC ได้แล้ว

About Author

RingRangRung

RingRangRung

Partners