การนำ Xiaomi เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการของ Open by imobile กลายเป็นสัญญาณที่ดีของผู้ใช้งานชาวไทยที่ต้องการสมาร์ทโฟนสเปคดีราคาประหยัด ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ที่สำคัญคือเมื่อนำเข้ามาจำหน่ายแล้วก็ต้องมีเรื่องของการรับประกันตามมาด้วย แม้ว่าล่าสุดจะมีการตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่าง VST ECS มาเพิ่มก็ตาม
2 ใน 4 รุ่นที่ Xiaomi นำเข้ามาประเดิมตลาดในช่วงแรกคือ Mi 5s และ Mi 5s Plus ซึ่งถือเป็น 2 รุ่นที่น่าสนใจในช่วงระดับราคา 11,990 – 13,500 บาท ที่มากับหน่วยประมวลผลระดับไฮเอนด์ Snapdragon 821 ในช่วงปีที่ผ่านมา กับมาตรฐานการรองรับ 4G LTE ที่น่าสนใจ
สเปคของ Xiaomi Mi 5s
– หน้าจอ IPS 5.15 นิ้ว Full HD (1920 x 1080 พิกเซล)
– หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 821 (64bit Quad-core 2.15 x 1.6 GHz)
– การเชื่อมต่อ 4G LTE Dual-SIM / Wi-Fi / Bluetooth 4.2 / NFC
– หน่วยความจำ RAM 3GB / ROM 64GB
– กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล f/2.0 Dual LED Flash, PDAF
– กล้องหน้า 4 ล้านพิกเซล f/2.0 เลนส์มุมกว้าง
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– แบตฯ 3,200 mAh รองรับ Quick Charge 3.0
– ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
– ขนาด 145.6 x 70.3 x 8.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 145 กรัม
– ราคาจำหน่าย 11,990 บาท สีทอง สีเทา
สเปคของ Xiaomi Mi 5s Plus
– หน้าจอ IPS 5.7 นิ้ว Full HD (1920 x 1080 พิกเซล)
– หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 821 (64bit Quad-core 2.35 x 2.2 GHz)
– การเชื่อมต่อ 4G LTE (Cat 11) Dual-SIM / Wi-Fi / Bluetooth 4.2 / NFC
– หน่วยความจำ RAM 4GB / ROM 64GB
– กล้องหลักคู่ 13 ล้านพิกเซล (RGB+Monochrome) f/2.0 Dual LED Flash, PDAF
– กล้องหน้า 4 ล้านพิกเซล f/2.0 เลนส์มุมกว้าง
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– แบตฯ 3,800 mAh รองรับ Quick Charge 3.0
– ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
– ขนาด 154.6 x 77.7 x 8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 168 กรัม
– ราคาจำหน่าย 13,500 บาท สีทอง สีเทา
ในแง่ของดีไซน์ ทั้ง Mi 5s และ Mi 5s Plus จะใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมทั้งตัวเครื่อง ให้ความรู้สึกว่าตัวเครื่องแข็งแรง ย้อนไปเหมือน HTC เมื่อตอนรุ่งๆ ที่เมื่อได้สัมผัสตัวเครื่องแล้วจะรู้สึกถึงความเป็นพรีเมียมสมาร์ทโฟน
ด้านหน้าทั้ง 2 รุ่นจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ในรุ่น 5s ด้านล่างจะมีปุ่มโฮมให้เรียกใช้ (พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ) ส่วน 5s Plus จะไม่มีปุ่มใดๆ เป็นพื้นที่ของหน้าจอขนาด 5.7 นิ้วไปเลย ที่น่าสนใจคือทั้ง 2 รุ่นทำขอบจอมาได้บางช่วยให้ตัวเครื่องเล็กลงเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอที่ได้
ด้านหลังตัวเครื่องทำขอบหลังให้โค้งรับกับอุ้งมือในการจับมือ ทำให้จับได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น โดยในรุ่น 5s จะได้ความรู้สึกโค้งมากหน่อย มีกล้องติดอยู่ที่มุมซ้ายบน ส่วนในรุ่น 5s Plus กล้อง ไฟแฟลข และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ตรงกึ่งกลางเครื่อง ส่วนล่างก็จะมีสัญลักาณ์ของ Mi ที่สกรีนลงไปบนโลหะ
รอบๆตัวเครื่องทางด้านซ้ายจะมีช่องใส่ถาดซิม ที่ต้องใช้เข็มจิ้มซิมออกมา รองรับนาโนซิม 2 ซิมการ์ดพร้อมๆกัน ด้านขวา จะเป็นปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง และปุ่มเปิดเครื่อง
ขอบบนจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. โดยในรุ่น 5s Plus จะมีเซ็นเซอร์อินฟาเรดมาให้ใช้งานด้วย ด้านล่างจะเป็นพอร์ต USB-C รูน็อตยึดตัวเครื่อง และลำโพง
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะประกอบด้วยตัวเครื่อง เคสใส คู่มือการใช้งาน เข็มจิ้มถาดซิม อะเดปเตอร์ และสาย USB-C โดยจุดต่างระหว่างทั้ง 2 รุ่นหลักๆแล้วจะมีอยู่ด้วยกัน 5 จุดใหญ่ๆ
1.ขนาดหน้าจอที่ Mi 5s จะมากับหน้าจอขนาด 5.15 นิ้ว ส่วน Mi 5s Plus จะมากับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ดังนั้น ก็เป็นตัวเลือกแรกเลยสำหรับคนที่ต้องการซื้อสมาร์ทโฟนว่าอยากได้สมาร์ทโฟนขนาดเครื่องกำลังพอดีมือ หรืออยากได้สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่หน่อยให้ใช้งานได้สะดวก
2.เรื่องของกล้องที่ Mi 5s Plus จะมากับกล้องหลังที่เป็น Dual Camera 12 ล้านพิกเซล ส่วน Mi 5s จะมากับกล้องหลังธรรมดา 12 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าจอเหมือนกันที่ 4 ล้านพิกเซล ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการอีกเช่นกันว่า เน้นการถ่ายภาพมากขนาดไหน แน่นอนว่าการมีกล้องคู่ก็ช่วยให้มิติภาพที่ได้ดีขึ้น
3.ภาครับสัญญาณ (Antenna) โดยในรุ่น 5s จะมีลายเสาอากาศทั้งขอบบน และชอบล่างเครื่อง ในขณะที่ Mi 5s Plus ลายเสาอากาศขอบล่างจะถูกตัดออกไปอยู่ใต้เครื่องแทน ซึ่งกลายเป็นว่าส่งผลต่อภาครับสัญญาณของโทรศัพท์ กลายเป็นว่า Mi 5s รับสัญญาณได้ดีกว่า แต่จริงๆเท่าที่ลองใช้งานมาถือว่าส่งผลกระทบน้อยมากจนถ้าไม่ไปวัดระดับสัญญาณเพื่อดูค่าก็ไม่ต้องกังวลถึง
4.เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ใน Mi 5s เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ด้านหน้า ข้างล่างหน้าจอ และถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่นำเทคโนโลยี Ultrasonic มาใช้กับตัวสแกนนิ้วมือ ทำให้สามารถใช้งานได้รวดเร็วขึ้น ส่วน Mi 5s Plus เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่หลังเครื่องบริเวณกล้องหลัง ทำให้ในการใช้งานต้องยกเครื่องขึ้นมาก่อน
สุดท้าย 5.ในแง่ของสเปค และเบตเตอรีที่ Mi 5s Plus จะใช้หน่วยประมวลผลที่แรงกว่า (2.35 GHz) และให้แบตเตอรีที่ใหญ่ขึ้น 3,800 mAh ส่วน Mi 5s แม้ว่าจะใช้ชิปเซ็ตเดียวกันที่ Snapdragon 821 แต่ความเร็วน้อยกว่า (2.15 GHz) และแบตเตอรีน้อยกว่า (เพราะตัวเครื่องเล็กกว่า) 3,200 mAh
ในแง่ของการใช้งาน Xiaomi Mi 5s และ Mi 5s Plus จะมากับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.1 (Marshmallow) ที่ครอบด้วยอินเตอร์เฟสของ MIUI 8 ที่เน้นความง่ายในการใช้งาน โดยจะไม่มีหน้ารวมแอปมาให้ใช้ สามารถเลื่อนดูแอปที่ติดตั้งในเครื่องได้จากหน้าจอหลักเลย
ถ้าเป็นผู้ที่เคยใช้งานแอนดรอยด์มาอยู่แล้ว ถือว่าเรียนรู้รูปแบบในการใช้งานได้ไม่ยาก โดยรวมแล้วถือว่าทำมาได้ใช้งานง่าย ทั้งในแง่ของการใช้เป็นโทรศัพท์ทั่วไป การใช้งานเพื่อเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ได้เต็มประสิทธิภาพ
ด้านการใช้งานมัลติมีเดีย Mi 5s Plus จะได้เปรียบหน่อยตรงที่จอใหญ่กว่า ทำให้สามารถใช้ดูหนังออนไลน์ หรือเล่นเกมได้เต็มตากว่า ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 2 รุ่นรองรับการเล่นไฟล์มัลติมีเดียได้เป็นอย่างดี การถ่ายภาพของทั้ง 2 รุ่นถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน
ภาพรวมของการใช้งานทั้ง 2 รุ่น จึงกลายเป็นสมาร์ทโฟนสเปคดี ที่คุ้มกับราคา เพียงแต่ขึ้นอยู่กับว่าชอบเครื่องขนาดเล็ก หรือ ใหญ่ และมีความจำเป็นต้องใช้หน่วยประมวลผลสูงๆหรือไม่ เพราะที่ให้มาก็ถือว่าเป็นเครื่องระดับไฮเอนด์ในราคาหมื่นต้นๆอยู่แล้ว
ผู้ที่สนใจ Mi 5s และ Mi 5s Plus สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://store.i-mobilephone.com/xiaomi/