การมาของ Moto Z2 Play ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ที่สร้างผลงานได้ไว้ดีมากอย่าง Moto Z Play ที่มีความเด่นในเรื่องแบตเตอรีที่อึด แม้จะไม่ได้ให้ปริมาณ mAh มาสูงเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในท้องตลาด แต่ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องที่ได้ ถือว่าติดอันดับท็อปๆในช่วงปีทีผ่านมา
ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนจดจำไปแล้วสำหรับซีรีส์ Z Play ที่กลายมาเป็น Z2 Play ในวันนี้ ก็คือเรื่องของแบตเตอรีที่อึด แม้ว่าจะมีปริมาณ mAh ลดลงเหลือ 3,000 mAh แต่ก็แลกมากับระบบชาร์จเร็วที่เคลมว่าใช้งานได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงจากการชาร์จ 15 นาที และแบตขึ้น 50% ภายใน 30 นาที
สเปคของ Moto Z2 Play
– หน้าจอ Super AMOLED 5.5 นิ้ว Full HD 441ppi
– หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 626 Octa-Core 2.2 GHz
– GPU Adreno 506
– การเชื่อมต่อ 4G LTE (Cat 7) Dual-NanoSIM / Wi-Fi / Bluetooth 4.2 / NFC
– หน่วยความจำ RAM 4GB / ROM 64GB / MicroSD up to 2 TB
– กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล 1.4um Laser + PDAF f/1.7 Dual LED Flash
– กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล 1.4um f/2.2 Dual LED Flash
– มีการเคลือบสารกันน้ำ (Nano-coating)
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– รองรับ Moto Mods เพิ่มเติม
– แบตฯ 3,000 mAh รองรับ Turbo Power Charging
– ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat
– ขนาด 156 x 76.2 x 5.99 มิลลิเมตร น้ำหนัก 145 กรัม
– สีที่วางจำหน่าย สีเงิน (Lunar Gray) และสีทอง (Fine Gold)
เริ่มกันจากการแกะกล่องของ Moto Z2 Play จะมากับกล่องสีแดงสดใส ที่แสดงถึงความร้อนแรงของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี โดยที่ขอบกล่องบริเวณที่จะเปิดออกมา จะมีสัญลักษณ์ของ Lenovo เพิ่มเข้ามา เพื่อแสดงให้เห็นว่า Lenovo เป็นเจ้าของ Motorola ในเวลานี้
วิธีการเปิดกล่องจะใช้การดึงขอบทางขวาออก เมื่อดึงออกมาก็จะพบกับตัวเครื่องวางอยู่ โดยจะมีสติกเกอร์แปะบอกความสามารถหลักๆของ Z2 Play ไม่ว่าจะเป็นการที่ตัวเครื่องรองรับ Moto Mods ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว Full HD แบตเตอรี 3,000 mAh กล้อง 12/5 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อม RAM 4 GB ROM 64 GB
เมื่อหยิบเครื่องออกมาก็จะพบกับกล่องใส่คู่มือการใช้งาน และใบแสดงมาตรฐานต่างๆ และเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด เมื่อยกกล่องที่ซ้อนอยู่ข้างในออก ก็จะพบกับอะเดปเตอร์ สายชาร์จแบบ USB C และหูฟังแบบ In-Ear ที่มีจุกยางเสริมมาให้เลือกเปลี่ยนขนาดได้
มาดูกันที่ตัวเครื่องของ Moto Z2 Play ถ้ามองผ่านๆ ก็จะยังคงใช้ดีไซน์เดียวกับในรุ่น Z Play ที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าโดยรวมแล้วตัวเครื่องจะบางลงอีก ทำให้เวลาใช้งานคู่กับ Moto Mods ต่างๆแล้วจะไม่รู้สึกเครื่องหนาขึ้นเหมือนที่ผ่านมา
ด้านหน้าเครื่องนอกจากหน้าจอ Super AMOLED ที่เป็นกระจก Gorilla Glass ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1090 พิกเซลแล้ว ส่วนบนก็จะมีช่องลำโพงสนทนา เซ็นเซอร์ กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่มีไฟแฟลชกล้องหน้ามาให้ใช้ถ่ายเซลฟี่ด้วย
ส่วนล่างหน้าจอจะมีปุ่มหลักที่เป็นทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และยังสามารถปรับใช้งานเป็นปุ่มอัจฉริยะ ในการสั่งงานเครื่องแทนแถบปุ่มโฮม ย้อนกลับ และเรียกดูแอปล่าสุด ด้วยการใช้การกด ปาดซ้าย กด และ ปาดขวาตามลำดับ
หลังเครื่อง เนื่องจากทำมาให้รองรับกับอุปกรณ์เสริมอย่าง Moto Mods ทำให้จะเห็นว่าบริเวณเลนส์กล้องจะนูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง (ตัวเครื่องบาง 5.99 มิลลิเมตร) แต่ส่วนของกล้องจะนูนสูงขึ้นมาราว 8-9 มิลลิเมตร ตรงกึ่งกลางมีสัญลักษณ์ Moto และส่วนล่างเป็นแถบไว้ใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม
รอบๆเครื่องไล่จากขอบบนจะมีรูสำหรับจิ้มถาดใส่ซิมการ์ดออกมา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของรุ่นนี้ เนื่องจากถาดใส่ซิมการ์ดของ Moto Z2 Play เป็นแบบที่รองรับ 2 นาโนซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ดได้พร้อมๆกัน ทำให้สามารถใส่ใช้งานได้ตามสะดวก ถัดมาตรงกึ่งกลางจะมีลายรับสัญญาณ และไมโครโฟนตัวที่ 2
ขอบล่างจะมีพอร์ต USB-C และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ที่ยังคงมีให้ใช้งานอยู่ ดังนั้นใครที่ยังมีหูฟังคุณภาพสูงแบบมีสายอยู่ก็สามารถนำมาใช้งานได้ต่อ ไม่ต้องกังวลว่าจะตัดออกเหลือเพียง USB-C อย่างเดียว
ขอบทางด้านซ้ายเครื่องจะถูกปล่อยไว้เรียบๆ เพื่อกรณีใส่เคส หรือวางเครื่องในแนวนอนจะได้ใช้งานได้สะดวก ส่วนปุ่มเปิด–ปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มลดเสียงจะอยู่ทางขอบขวา โดยจะมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก โดยปุ่มเปิด–ปิดเครื่องจะมีลายพาดอยู่เพื่อให้แยกออกว่ากดถูกปุ่มแน่นอน
ในแง่ของการใช้งานเบื้องต้น Moto Z2 Play ที่มากับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 7.1.1 (Nougat) ที่เป็นแบบ Pure Google ทำให้ได้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ลื่นไหลดีโดยแอปพลิเคชันที่บันเดิลมาให้ก็จะเป็นกูเกิลเซอร์วิสทั้งหมดที่มีแยกมาก็จะเป็นพวกของโหมดการใช้งานกล้อง
กับในส่วนของแอปควบคุมฟีเจอร์พิเศษในเครื่อง ที่จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ Moto Actions ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกตั้ง ระบบนำทางด้วยปุ่มเดียว (One Button Now ปุ่มโฮมอัจฉริยะ) การเขย่ายเครื่องเพื่อเปิดไฟฉาย บิดเครื่อง 2 ครั้งเพื่อเข้าโหมดถ่ายภาพด่วน กวาดหน้าจอลงเพื่อเปิดโหมดใช้งานมือเดียว
ยกเครื่องขึ้นเพื่อปิดเสียงโทรศัพท์ พลิกเครื่องคว่ำหน้าลงเพื่อเข้าสู่โหมดห้ามรบกวน และการใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับเพื่อแสดงหน้าจอเมื่อนำมือมาปาดบนหน้าจอสมาร์ทโฟน หลังจากนั้นจะแสดงวัน เวลา และเปอเซนต์แบตเตอรี
ถัดมาคือ Moto Display ที่จะมีโหมดปรับหน้าจอให้ใช้งานตอนกลางคืนได้ดีขึ้น (เปิดโหมดตัดแสงสีฟ้า) แบบอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่ตั้งไว้ และตั้งค่าการแสดงผลการแจ้งเตือนต่างๆ สุดท้าย Moto Voice หรือระบบสั่งงานด้วยเสียง ที่จะทำงานคู่กับ Google Assistance เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน
สำหรับการทำงานของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สามารถเพิ่มได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ผู้ใช้สามารถนำนิ้วที่สแกนแล้วมาแตะเพื่อปลดล็อกเครื่องได้ทันที โดยไม่ต้องกดเปิดหน้าจอก่อน ส่วนถ้าใช้ผิดนิ้ว ตัวเครื่องจะขึ้นแจ้งเตือนว่าไม่รู้จักลายนิ้วมือ และหน้าจอก็จะดับลงแทน
อีกความสามารถที่น่าสนใจของปุ่มโฮมอัจฉริยะ ที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย ก็คือ ความสามารถในการสั่งเปิด–ปิดหน้าจอได้ทันที ด้วยการกดที่ปุ่มดังกล่าวค้างไว้ หน้าจอ Moto Z2 Play ก็จะดับลงทันที
เท่าที่ได้ลองสัมผัส Moto Z2 Play แบบคร่าวๆ ก็ยอมรับว่า Motorola ทำการบ้านมาได้ค่อนข้างดี มีความสามารถที่ครบเครื่อง ส่วนในเรื่องของแบตเตอรีเท่าที่ใช้งานก็ถือว่าอึดพอสมควร แต่ยังไม่ได้ลองใช้งานหนักๆมากนัก ไว้รอค่อยมาสรุปกันอีกทีตอนรีวิวเครื่องจริงจังดีกว่า
เตรียมตัวเป็นเจ้าของ Moto Z2 Play ได้วันที่ 6 กรกฎาคม 2560 ที่ True Shop, Jaymart, TG Fone และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศส่วนราคารอติดตามการประกาศอย่างเป็นทางการได้เร็วๆนี้
อีกหนึ่งช่องทางที่สะดวกสุดๆในการเป็นเจ้าของ Moto Z2 Play คือ ร้านออนไลน์ Mototola Thailand Ofiicial Store บน Lazada คลิก >>> https://goo.gl/fnthCg